thursday

http://downmerng.blogspot.com http://picasaweb.google.com/prainn999/14255302# ทัพผ่านฟ้าสู่ราชประสงค์ วันที่ 14 เมษายน 2553 http://www.112victims.org/ http://www.thaifreenews.org/ http://chirpcity.com/bangkok/3 http://www.radaroo.com/ http://factsforthais.blogspot.com/2009/05/7.html https://hotspotshield.com, https://redpower-sm-germany.com, https://konthaiuk.com,https://nonlaw.7forum.net https://www.redshirtinternational.org,

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

หนังสือ "วีรชน 10 เมษา คนที่ตายมีใบหน้า คนที่ถูกฆ่ามีชีวิต"


วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7441 ข่าวสดรายวัน


20+1วีรชน

เหล็กใน
สมิงสามผลัด



ครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ 10 เมษาเลือดไปแล้ว

คนเสื้อแดงเรือนแสนร่วมรำลึกถึงผู้สูญเสียที่คอกวัว

ในเหตุการณ์นั้นมีประชาชนคนไทยเสียชีวิต 20 ศพ ส่วนทหารเสียชีวิต 6 ศพ

ก่อนหน้านี้มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย จัดทำหนังสือ "วีรชน 10 เมษา คนที่ตายมีใบหน้า คนที่ถูกฆ่ามีชีวิต"

เนื้อหาอ่านแล้วสลดหดหู่ เป็นบทสัมภาษณ์ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต

บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียคนที่รัก

บ่งบอกถึงเหตุผลที่เหยื่อออกไปร่วมชุมนุม

ที่สำคัญทุกคนต่างรอถึงบทสรุปของคดี

รอวันที่ "คนสั่งฆ่าประชาชน" รับโทษทัณฑ์

แม้จะค่อนข้างมืดมนก็ตาม!?

นอกจาก 20 วีรชนแล้ว ยังมีอีก 1 ศพที่ไม่ได้ร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดง

แต่ออกมาทำหน้าที่สื่อมวลชน

นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น เป็นศพที่ 21 ในเหตุการณ์นี้

ความจริงแล้ว เราได้รับรู้ถึงการติดตามทวงความยุติ ธรรมให้นายฮิโรยูกิมาตลอดเวลา 1 ปี

รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อคดี

ทวงถามความคืบหน้า 6-7 ครั้งจากทั้งรมต.ต่างประเทศ ทั้งอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

และในรำลึกครบรอบ 1 ปี นายสตีเว่น แอดเลอร์ หัวหน้าบรรณาธิการของรอยเตอร์ ออกแถลงการณ์รำลึก ถึงนายฮิโรยูกิ

"ใน วันนี้ เราร่วมกันไว้อาลัยต่อการจากไปของคุณมูราโมโตะ แต่เรารู้สึกผิดหวังที่ยังคงไม่มีความกระจ่างชัดต่อสาเหตุการเสียชีวิตของ เขา ขณะที่เวลาได้ล่วงเลยมา 1 ปี โดยครอบครัวและเพื่อนร่วมงานในรอยเตอร์ของคุณมูราโมโตะ สมควรที่จะมีโอกาสได้รับทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง"

วันรุ่งขึ้น หลังครบ 1 ปี นางจีน ยูน บ.ก.ข่าวภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักข่าวรอยเตอร์ และ นายเจสัน เซบ หัวหน้าข่าวรอยเตอร์ สำนักงานกรุงเทพฯ

เข้าทวงถามความคืบหน้าของคดีนี้กับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ

ประเด็นหลักก็คือไม่เข้าใจว่าทำไมตอนแรกดีเอสไอถึงสรุปว่าเจ้าหน้าที่รัฐฆ่า

ก่อนกลับคำในภายหลังว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ!?

นายฮิโรยูกิตายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน

ถูกยิงขณะรายงานข่าวรายงานข้อเท็จจริงต่อสายตาชาวโลก

หลังเสียชีวิตแล้ว เพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมวิชา ชีพต่างออกมาต่อสู้ ทวงความยุติธรรมให้

นายฮิโรยูกิจึงกลายเป็นวีรชน กลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการคุกคามสื่อ

เรื่องราวของ "ฮิโรยูกิ" ถูกตีแผ่ไปทั่วโลกแล้ว

http://www.konthaiuk.info/forum/index.php?topic=16591.0

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ณ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

***นักโทษการเมืองพ้นโทษคนแรก-"ต้อน รับเพื่อนสู่อิสรภาพ วิษณุ กมลแมน เราไม่ทอดทิ้งกัน” ขอเรียนเชิญเพื่อนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย และความเป็นธรรมทุกท่าน ร่วมกัน "ต้อนรับเพื่อนสู่อิสรภาพ วิษณุ กมลแมน เราไม่ ทอดทิ้งกัน" ณ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป

นาย วิษณุ กมลแมน หรือเล้ง อายุ 19 ปี ถูกทหารจับกุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 16.30 น. บริเวณใกล้กับปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ปากซอยรางน้ำ ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ซึ่งจะครบกำหนดพ้นโทษในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน จึงใคร่ขอเรียนเชิญเพื่อนพี่น้องร่วมเป็นกำลังใจ และร่วมต้อนรับ วิษณุ กมลแมน (เล้ง) สู่อิสรภาพ ตามวันและเวลาดังกล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) หมายเลขโทรศัพท์ 08-6060-5433***


***เวบไซต์www.serichon.com จัดกิจกรรมโยนโบว์ลิ่ง หา ทุนสนับสนุนวิทยุออนไลน์เสรีชน ที่เมเจอร์โบว์ล ชั้น6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว เสาร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ 09.00-13.00 ค่าสมัครทีมละแค่1500(3ท่านต่อทีม)ชิงถ้วยนายกฯทักษิณ หากหาทีมไม่ได้ เจ้าภาพจัดหาให้ที่หน้างาน (มาท่านเดียวแค่500)ฝีมือไม่เกี่ยว ไม่ต้องพกมา พกมาแค่ความฮากับพกเพื่อนรู้ใจ สมัครหรือขอรายละเอียดที่serichonteam@yahoo.com โทร087-0570640***

***6 พ.ย.นี้ชมคอนเสิร์ต"ใจประสานใจ"โดย บ้านเลขที่111 แต่เปลี่ยนสถานที่จากเดิมสมุทรสาคร มาเป็นที่ชั้น6 อิมพีเรียลลาดพร้าว บัตรราคา 120 บาท รายได้ช่วยน้ำท่วมและผู้ประสบภัยการเมือง ติดต่อร่วมงาน 082-2423794***

***กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วมพลเมืองไทย กลุ่มแดงเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน"ลอยกระทงรักไทขับไล่อภิสิทธิ์"ขึ้นที่เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมงานในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.00-23.30น.

โดยจุดหมุ่งหมายของงานให้สะท้อนผลงานอันอัปยศของนายอภิสิท ธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมแห่กระทงการเมืองเผาอภิสิทธิ์เผา เทียนเล่นไป ปล่อยโคมลอย รำวงย้อนยุค และมีการประกวดนางนพมาศ โดยคนเสื้อแดงจะ ส่งนางนพมาศทุกอำเภอมาประกวดในงาน และจะมีการปราศรัยจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และปราศรัยจากกลุ่มเชียงใหม่แดง***

***ส่วนเสื้อแดงกรุงเทพฯและปริมณฑล แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ [นปช. FACEBOOK แดงทั้งแผ่นดิน] เชิญร่วมลอยกระทงชาวเสื้อแดงที่ ท่าน้ำสะพานพระราม 7 ฝั่งโรงไฟฟ้าบางกรวย (สุดสายรถเมล์ สาย 50) 21 พฤศจิกายน 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

โดย ปกติสถานที่ดังกล่าวจะมีการจัดงานด้วยอยู่แล้ว (งานคล้ายงานวัด) เพียงแต่ครั้งนี้ เราก็ไปร่วมกันลอยกระทงที่ท่าน้ำนั้น และเดินเที่ยวงาน ถ้าเราไปกันเยอะๆ ก็เหมือนงานเสื้อแดงที่เคยจัดที่ห้างอิมพีเรียล หรือครั้งที่เราไปร่วมงานที่สวนรถไฟ ของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง งานนี้กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงร่วมด้วย***

***เแดงเถิดเทิง เริงลมหนาว ตาสว่าง


พบ กับบรรยากาศงานวัดย้อนยุค รำวงลีลาศ, แข่งยิงหนังสติ๊ก, ปาเป้า, แข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะ (เพลงเสื้อแดง), สินค้า OTOP, เสวนาการเมือง นำทีมโดย อ.สุรชัย แซ่ด่าน, คุณโด่ง อรรถชัย พร้อมทีมเสรีชน, ศิลปิน แป๊ะ บางสนาน, ชายอิสระชน, อเล็กซ์ คนใต้, หมอลำส้มโป๊ะ, วง The Red

วัน ที่ 26-28 พ.ย 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 -23.00 น. ณ ตลาดไทยสุขดี คลองสี่ ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย นำไปช่วยเหลือพี่น้องในเรือนจำ, สนับสนุนวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง, ช่วยแดงสู้ลมหนาว บัตรผ่านประตูเพียงท่านละ 10 บาท

โดยทีมงาน Red Cam frog, Red Cyber, สถานีวิทยุชุมคนไทยหัวใจเดียวกัน FM 102.75 MHz ติดต่อ Mivakoe Jang FB, 089-823 7143 Fullmoonnight***

***ท่านที่ชอบบทความวิพากษ์การเมืองให้ถึงราก ตอนนี้เชิญ www.timeupthailand.netเปิดเป็นทางการแล้ว นำทีมโดยจรรยา ยิ้มประเสริฐ เจ้าของบทความร้อน"ทำไมจึงไม่รัก..." ทยอยนำเสนอเรื่องราวและบทความที่พูดเรื่องรากฐานบ้านเมืองกับประชาธิปไตย ***

*** "นิราศรัฐ ก.ไก่: 2542 - 2552"

หนังสือผลงานของ กานต์ ณ กานท์: เขียน
ไชยันต์ รัชชกูล: คำนำเสนอ

อย่าลืมอุดหนุนกวีที่มีจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเข้มข้นคนนี้***



COMING SOON :Talk Show วอน นอน คุก In Bangkok ที่นี่เร็วๆนี้ โดย ดารา(เนื้อย่าง)เกาหลี'วอน นอน คุก'และมิตรสหายหน้าตาน่ารักขาวตี๋ วัยรุ่นกรี๊ดครบเซ็ต

*************

บทความ: ละครแห่งกระบวนการพิจารณาคดี, การพิจาณาคดีการเมือง และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ


โดย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม และ ศาสตราจารย์คนูปส์
ที่มา เว็บไซต์โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
5 พฤศจิกายน 2553

หลัง จากเหตุการณ์สังหารมวลชนในกรุงเทพมหานครในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา เราได้เริ่มตระเตรียมข้อเท็จจริงอย่างย่อเกี่ยวกับการกระทำอาชญากรรมต่อ มนุษยชาติต่ออัยการ นอกจากคำให้การของพยานที่ให้สัตยาบันแล้ว เรายังมีหลักฐานวีดีโอและหลักฐานทางนิติเวชวิทยา ซึ่งหลักฐานทั้งหมดเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ระบุถึงความไม่เต็มใจของรัฐบาลไทย ที่จะนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในประเทศ รวมสิ่งที่ผมได้พบเห็นและรับรู้ในประเทศรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการบิดเบือนการใช้กระบวนการตุลาการทำลายฝ่าย ตรงข้ามโดยไม่ยั้งคิด และมีการปกปิดอาชญากรรมโดยผู้ทีใช้อำนาจในศาลยุติธรรมและสถาบันอื่นๆ

บุคคล ที่ประณามความพยายามของเราในการบังคับใช้กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ ควรพิจารณาเหตุการณ์ในประเทศไทยที่เป็นเหมือนฝันร้าย หลังจากสั่งปิดเวปไซต์กว่า 250000 เวปไซต์ รัฐบาลยังจับกุมฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วยข้อหาก่อการร้าย คุมขังพวกเขาโดยใช้อำนาจทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมอย่างพระราชกำหนดบริหาร ราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพยายามที่จะปิดบังความรับผิดของตนด้วยการใช้ “คณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์” จอมปลอมมาบังหน้า

บทความนี้ต้องการที่ จะกล่าวถึงประเด็นของความไม่เท่าเทียมทางอำนาจ (การดำเนินคดี) ระหว่างบุคคลที่แย่งชิงอำนาจในการควบคุมสถาบันต่างๆไปอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย และบุคคลหนึ่งที่พยายามใช้ิสิทธิตามรัฐธรรมนูญของตน ภายใต้สถานการณ์ที่มีการบิดเบือนใช้กฎหมายฉุกเฉินอย่างยืดเยื้อ (ของรัฐบาล)

เรา เชื่ออย่างหนึ่งว่า การจะกล่าวถึงประเด็นของความไม่เป็นธรรมนั้นนั้น เราต้องมองไปไกลกล่าวประเด็นที่เราสามารถเห็นได้ชัดอย่าง การไม่ทำการสอบสวนเป็นอิสระครั้งแล้วครั้งเล่าของรัฐบาลไทย ซึ่งเรามีหลักฐานเป็นรายงานและจดหมายเปิดผนึกหลายฉบับ โดยครั้งนี้เราได้ตัดสินใจหยิบยกประเด็นที่ว่า การกระทำของรัฐบาลต่อกลุ่มคนเสื้อแดงอาจเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ภายใช้กฎหมายระหว่างประเทศ

ตามบทบัญญัติที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์แห่งสงคราม ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ อนุสัญญาระหว่างประเทศแห่งกรุงเจนีวา กล่าวว่า การพิพากษาลงโทษและการประหารชีวิตโดยปราศจากคำพิพากษาของศาลยุติธรรมโดยทั่ว ไป อันเป็นหลักประกันที่ประเทศอารยะธรรมยอมรับโดยทั่วไปนั้น ไม่อาจกระทำได้

นอก จากนี้ บทบัญญัติของศาลอาญาระหว่างประเทศยังได้บัญญัติคำอธิบายเพิ่มไว้ในมาตราที่ ๘ (๒) (a)(vi) อย่างชัดเจนว่า “เจตนาลิดรอนสิทธิของนักโทษสงครามและบุคคลที่ได้รับการปกป้องซึ่งสิทธิดัง กล่าวในการเข้าถึงกระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมและเป็นปกติวิสัย”ถือเป็น อาชญากรรมสงคราม และละเมิดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศแห่งกรุงเจนีวา

ภาย ใต้สภานการณ์บิดเบือนการใช้กฎหมายฉุกเฉินนี้ ในไม่ช้าละครแห่งการพิจารณาคดีของรัฐบาล (ประกอบกับการสมรู้ร่วมคิดของตุลาการที่ฉ้อฉล) ต่อแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดง จะแสดงในเห็นว่ารัฐบาลละเมิดต่อกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศและกฎหมาย ระหว่างประเทศ คำถามคือ รัฐบาลไทยมีเหตุผลทางการเมืองและกฎหมายอย่างพอเพียงที่จะใช้ปกปิดการกระทำ ที่ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ สนธิสัญญาระหว่างประเทศ และจารีตประเพณีอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่? หรือสิบปีหลังจากเสวยสุขจากความพยายามปัดความรับผิดต่อการละเมิดสิทธิมนุษย ชนที่น่าสยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย นายอภิสิทธิ์จะเป็นผู้นำคนแรกของประเทศไทยที่ต้องรับผิดต่ออาชญากรรมที่เขา ได้ร่วมก่อขึ้น?

แฉสนง.ตร.รับเรื่องคุ้มกันเส้นทางสีแดง แต่มือปืนซุ่มยิงโดนจับได้ดันมียศพตท. อ้าง'บ้า'ปล่อยลอยนวล



พันตำรวจโทปลอมตัวมาเป็นมือปืน สุดท้ายลอยนวล ตำรวจด้วยกันปล่อยอ้าง"เป็นคนบ้า"-(ภาพ บน)ชายคนหนึ่งที่ถูกจับตัวได้ว่าพกอาวุธปืนเล็งยิงมายังกลุ่มกิจกรรมเส้นทาง สีแดง (ภาพล่าง)พ.ต.ท.ฐาปนฤทธิ์ อุทัยวงษ์ ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ถูกคนเสื้อแดงอ้างว่าเป็นคนเดียวกับชายที่ถูกจับตัวได้ มีรายงานว่าตำรวจสภอ.หนองสาหร่ายส่งไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาลจิตเวช แล้วปล่อยลอยนวล โดยอ้างว่า"เป็นคนบ้า"


ขอกำลังคุ้มกัน-หนังสือ ของกลุ่มเส้นทางสีแดงส่งถึงผบ.ตร.ขอให้จัดกำลังรักษาความปลอดภัยให้ตลอด กิจกรรม เพราะเกรงว่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายมาก่อกวน ซึ่งก็ไม่ผิดคาดนัก แต่ที่โอละพ่อคือคนที่ถืออาวุธปืนมาซุ่มก่อกวน ดันเป็นตำรวจยศพันตำรวจโทเสียเอง


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
6 พฤศจิกายน 2553

ผู้ ดำเนินโครงการกิจกรรมเส้นทางสีแดง ได้แฉหลักฐานเป็นจดหมายถึง ผบ.ตร.ขอกำลังตำรวจคุ้มกันรักษาความปลอดภัย ก่อนเริ่มออกเดินทางจากรุงเทพฯแล้ว และมีหลักฐานการรับหนังสืออย่างดี แต่ก็ไม่วายโดนลูกน้องของผบ.ตร.ยศพันตำรวจโทมาก่อเหตุจะลอบยิงผู้ดำเนิน กิจกรรมนี้เสียเอง!

"ผมขอส่งหนังสือของโครงการเส้นทางสี แดงถึงผบ.ตร.ที่ผมส่งด้วยตัวเอง และมีการลงเลขรับไว้เป็นหลักฐาน ขอแจ้งว่า ก่อนออกเดินทาง ผมได้ส่งหนังสือถึงพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัย แต่ปรากฏว่ายังเกิดเหตุการณ์ลอบยิงขบวนเดินทางเพื่อมนุษยธรรมนี้ขึ้น ผมมีคำถามที่จะถามถึงผู้บัญชาการแห่งชาติว่าท่านจะดำเนินการในเรื่องดัง กล่าวอย่างไร? ท่านจะคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างไรในเมื่อ ขบวนเดินทางเพื่อมนุษยธรรมนี้ถูกลอบยิงโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเอง"ผู้ ดำเนินโครงการระบุ

อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขบวนเดินทางเส้นทางสีแดงจะยังคงมุ่งหน้าไปตามกำหนดเดิม หากพวกเราล้มลงก็จะมีพี่น้องเสื้อแดงมารับช่วงต่อจากพวกเราเพื่อสานต่อ กิจกรรมนี้จนจบ และพรุ่งนี้เราจะเดินทางกันต่อ!

กิจกรรมเส้นทางสีแดงช่วงนี้ (กิจกรรมทั้งหมด ดูที่นี่)

5 พ.ย. แวะไหว้หลวงพ่อโต สีคิ้ว ค้างแรม สูงเนิน
6 พ.ย. ไหว้ย่าโม เวทีคอนเสริท์ ค้างโคราช
7 พ.ย. ร่วมช่วยเหลือโรงเรียนและวัดที่ถูกน้ำท่วม ค้างโคราช
8 พ.ย. เดินทางไปบัวใหญ่
6 พ.ย. กิจกรรมแกนนอน บก.ลายจุด ร่วมเวที ค้างโคราช
7 พ.ย. ร่วมช่วยเหลือโรงเรียนและวัดที่ถูกน้ำท่วม Big cleaning Day!


รายงาน จากโครงการจักรยานเส้นทางสีแดง 1700 กม.ราชประสงค์สู่18จังหวัดภาคอีสานแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วานนี้ บริเวณก่อนทางขึ้นเขื่อนลำตะคอง 3 กม. เกิดเหตุคนร้ายสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน ข้างหลังสกรีน "เชิดชัยก่อสร้าง" ซุ่มตัวอยู่ริมถนน แอบหลังต้นไม้ ก่อนขบวนจักรยานจะมาถึงเพียงเล็กน้อย

ทีมรถสำรวจของโครงการได้ขับ นำหน้ามาก่อน เห็นผิดสังเกตจึงลงไปตรวจสอบ ปรากฎว่า คนร้ายได้เก็บปืนเข้าซอง แล้ววิ่งหนี จึงได้ตะครุบจับตัวไว้ได้ พบปืนอยู่ในซอง

หนึ่งในสมาชิกทีมปั่นจักรยานเส้นทางสีแดง ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างที่ขบวนจักรยานปั่นมาถึงบริเวณบ้านเขาน้อย ใกล้เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา สังเกตเห็นชายถืออาวุธปืน อยู่ในท่าประทับเล็งยิง เมื่อเขาและทีมงานเดินเข้าไปตรวจสอบ ชายคนดังกล่าวได้เดินหนี จึงได้เข้าชาร์จตัวชายผู้นั้นเอาไว้ ระหว่างนั้นมีปืนลั่น 2 นัด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ชายดังกล่าวแต่งกายด้วยเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงตำรวจสีกากี และอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

(ดูคลิปข่าวผู้เห็นเหตุการณ์)ซึ่งเล่าว่าตำรวจสภอ.หนองสาหร่ายส่งตำรวจไปให้จิตเวช อ้างว่าเป็นคนบ้า และมีข่าวปล่อยตัวไปแล้ว

ตำรวจ สภอ.หนองสาหร่ายสอบสวนทราบชื่อผู้ต้องหาที่จับได้ คือ พ.ต.ท.ฐาปณฤทธิ์ อุทัยวงค์ สว.กบ 2กก.ปคม. หน่วยปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยก่อนหน้านี้พกบัตรประจำตัวประชาชนปลอม โดยใช้ชื่อว่า นิกร

สำหรับ โครงการเส้นทางสีแดง เป็นการปั่นจักรยานจากแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ไปยังประเทศลาว ผ่าน 18 จังหวัด 22 จุดแวะพัก ระยะทาง 1,700 กม. เพื่อแวะเยี่ยมผู้ต้องขัง ร่วมทำกิจกรรมผูกผ้าแดง วางดอกไม้แดงหน้าเรือนจำ บริจาคสิ่งของให้คนเสื้อแดง โดยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำ นปช.และผู้ต้องขังในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงทั่วประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการปฏิบัติ 2 มาตรฐานทางกฏหมาย และเรียกร้องให้นานาชาติได้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยขบวนดังกล่าวออกเดินทางจากแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา

วันศุกร์, พฤศจิกายน 05, 2010

จักรภพ เพ็ญแข:สื่อไทย ณ ทางแยก เนื่องในโอกาสครบรอบ ๔ ปีสำนักข่าวไทยอีนิวส์


ผม เห็นว่าตัวอย่างของสำนักไทยอีนิวส์เป็นการส่งสัญญาณว่า บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในกำมือของขาใหญ่ที่ครองอำนาจอย่างผูกขาดในบ้านเมืองนี้ มายาวนานเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ไทยอีนิวส์และสำนักข่าวอิสระทั้งหลายทำ ก็คือการปฏิเสธที่จะยอมแพ้หลังจากถูกปฏิเสธจากเวทีสื่อมวลชนที่ใหญ่โตกว่า มีอิทธิพลสูงกว่า

โดย จักรภพ เพ็ญแข
5 พฤศจิกายน 2553

การฉลองครบรอบ ๔ ปีของสำนักข่าวไทยอีนิวส์นั้น ถ้ามองเผินๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการฉลองครบรอบปีของบริษัทห้างร้านต่างๆ ..

คือเป็นการผ่านของเวลาช่วงหนึ่ง ที่เราสมมติขึ้นมาเป็นความสำคัญ และนำมาเป็นเรื่องยินดีปรีดา

แต่ บังเอิญว่า ๔ ปีของสำนักข่าวไทยอีนิวส์ เป็น ๔ ปีที่สำคัญและมีความหมายลึกซึ้ง ไม่ใช่ต่อตัวสำนักข่าวและทีมงานเอง แต่เป็นความสำคัญ และสื่อความหมายเกี่ยวกับเมืองไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน

จะ เรียกว่าเป็นงานฉลอง ๔ ปีของการเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของไทยก็คงจะไม่ผิดความจริงนัก ผมจึงรู้สึกยินดีและอยากร่วมฉลองทางใจกับสำนักข่าวไทยอีนิวส์ ด้วยทัศนะนี้

ถามว่า สำนักข่าวไทยอีนิวส์ได้ทำอะไร และพยายามจะทำอะไรในช่วงที่ผ่านมา...

คำตอบอันสมบูรณ์คงต้องไปถามจากผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้บริหารสำนักข่าวไทยอีนิวส์เอง

แต่ผมในฐานะ “ลูกค้า” คนหนึ่งของไทยอีนิวส์สังเกตว่า สำนักข่าวนี้ทำหน้าที่เป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์มาตลอด เราคงจำได้ว่าแจ็คเป็นเด็กตัวเล็กนัก ไม่มีทางจะเอาชนะยักษ์ที่เที่ยวรังควาญชาวบ้านในแถบนั้นได้เลย

แต่ วันหนึ่งแจ็คได้รับเมล็ดถั่วพันธุ์พิเศษที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นบันไดพาแจ็คปีนขึ้นไปถึงยอดเขาที่ยักษ์ตนนั้นอาศัยอยู่ แจ็คขึ้นไปแล้วก็ยั่วเย้า ท้าทาย และหลอกล่อจนยักษ์โกรธจัด รีบไต่ต้นถั่วยักษ์ตามแจ็คลงมาโดยหวังว่า เล่นงานเสียให้สาสม

แต่ ทว่า ด้วยความโกรธจนลืมตัว ประมาทเลินเล่อ และด้วยความที่ต้นถั่วมันไม่อาจทานกำลังและน้ำหนักของเจ้ายักษ์นั้นได้ ยักษ์จึงร่วงหล่นลงมาจากต้นถั่ววิเศษนั้น และละลิ่วลงไปสู่ความตายเบื้องล่าง แจ็คจึงกลายเป็นผู้ชนะในบั้นปลาย

แจ็คในวันนี้คือไทยอีนิวส์

ยักษ์ตนนั้นคือระบอบศักดินา และอำมาตยาธิปไตยทั้งปวงที่สูบเลือดคนไทยมานานหนักหนาจนไม่มีใครคิดว่าจะเอาชนะคะคานเขาได้

และ ตันถั่ววิเศษนั้นก็คือเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทำให้แจ็คสามารถต่อกรกับเจ้า ยักษ์ใหญ่ที่มีพละกำลังมากกว่าตนเองอย่างมหาศาลได้ โดยโตขึ้นจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จนที่สุดก็กลายเป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในการโรมรันกับยักษ์ใหญ่

ผม เห็นว่าตัวอย่างของสำนักไทยอีนิวส์เป็นการส่งสัญญาณว่า บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในกำมือของขาใหญ่ที่ครองอำนาจอย่างผูกขาดในบ้านเมืองนี้ มายาวนานเท่านั้น

แต่คนเล็กๆ ที่มีอำนาจต่อรองน้อยก็เริ่มมีส่วนร่วมในการชี้นำบ้านเมืองนี้ และได้สัดส่วนในการถือครองอำนาจรัฐกับเขาบ้างเหมือนกัน

สิ่ง สำคัญที่ไทยอีนิวส์และสำนักข่าวอิสระทั้งหลายทำ ก็คือการปฏิเสธที่จะยอมแพ้หลังจากถูกปฏิเสธจากเวทีสื่อมวลชนที่ใหญ่โตกว่า มีอิทธิพลสูงกว่า เพราะพวกเขาเหล่านั้นทำตัวเป็นข้าทาสบริวารของผู้คนในระบอบศักดินาที่ตนเอง ยึดไว้คุ้มครองกะลาหัวตน

สำนักข่าวสายประชาธิปไตยเหล่านี้ไม่ได้ บอกว่าวันนี้ตัวเองคือช่อง ๓ ช่อง ๗ หนังสือพิมพ์มติชน สำนักข่าวเนชั่น ฯลฯ แต่เขาเริ่มอย่างคนนอกระบบที่ไม่ยอมรับในระบบที่เป็นอยู่ และท้าทายระบบทั้งระบบนั้นด้วยความสามารถเฉพาะตัว จนสาธารณชนหันมามองด้วยความสนใจ

เราพูดกันมานานเกี่ยวกับสื่อทาง เลือก สังคมประชาธิปไตยจะต้องมีสื่อหลากหลายที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของรัฐทั้งหมด ไว้เป็นที่พึ่งทางปัญญาแก่ผู้คน

แต่สุดท้ายเรามักได้เห็นสื่อเล็กๆ ที่ประกาศว่าฉันคือทางเลือกใหม่ แต่เอาเข้าจริงรอคอยเวลาที่จะใหญ่โตเหมือนสื่อรุ่นพี่ พวกระบอบเก่าทั้งหลายรู้แกวเช่นนั้นเขาก็เริ่มติดสินบน ตกเบ็ด และช้อนซื้อเอาคนที่มีความสามารถเข้าไปเสวยสุขในระบอบเก่าจนลืมตัวลืมตนกลาย เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาชนไปอย่างหน้าตาเฉย

เราได้เห็น สื่อทางเลือกที่กลายมาเป็นสื่อหลัก และรับใช้ผลประโยชน์ของผู้กุมอำนาจในบ้านเมืองมากี่รายแล้วเล่า คนเหล่านี้ส่วนหนึ่งเคยเป็น “สื่อทางเลือก” แล้วก็ติดเบ็ดจนกลายเป็น “สื่อที่เขาเลือก” มาจนนับรายไม่ถ้วนแล้วมิใช่หรือ?

สื่อ ทางเลือกที่แท้จริง ต้องไม่มีอัตตาและตัณหาแบบสื่อกระแสหลัก ไม่ต้องหวังร่ำรวยฟู่ฟ่าอย่างเขา และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวจนแทบจะไม่มีบุคลิก เพียงเพื่อเอาใจตลาดเก่าที่อย่างเสพย์สื่อที่ทำให้เขาเกิดสุข และไม่จำเป็นต้องเกิดปัญญา

สื่อทางเลือกต้องมีความอึดสูง นั่งอยู่บนภูรอให้สังคมโน้มสู่ความถูกต้องเป็นธรรมที่มีกลไกของเราเป็นผู้ ชี้นำส่วนหนึ่งได้อย่างใจเย็น ไม่หมกมุ่นเปรียบเทียบตัวเรากับคนที่เขายอมตัวเป็นข้าทาสไปเสียแล้ว แล้วหันมามองตัวเองอย่างเวทนาว่าทำไมข้าถึงไม่ “ได้ดี” อย่างเขาบ้าง

สื่อทางเลือกต้องเห็นสิ่งเหล่านี้ว่า คือกับดักที่ทำให้คนในอดีตและปัจจุบันร่วงหล่นลงไปแล้วมากต่อมาก จนหมดโอกาสที่จะเป็นมนุษย์ได้โดยสมบูรณ์ อย่าว่าแต่เป็นสื่อเลย

ถาม ว่า สื่อทางเลือกจะต้องเป็นน้ำใต้ศอกในทางวัตถุเขาเรื่อยไปหรือ ก็ต้องตอบด้วยคำถามว่าความหมายของชีวิตของตัวเราเองคืออะไรเล่า ทั้งหมดนี้คือเรื่องของทัศนะเท่านั้น ผู้ที่ยึดความร่ำรวยเป็นเป้าหมายในชีวิตย่อมจะหดหู่เมื่อยากจนหรือรวยน้อย กว่าคนอื่นๆ ผู้ที่มีกิเลสทางปัญญาอาจจะไม่สบอารมณ์ที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดที่สุดใน ห้อง เหล่านี้เป็นเรื่องของทัศนะที่ตัวตั้งไว้เองทั้งสิ้น

ถ้าสื่อ มวลชนคนใดคิดว่า ชีวิตคือการมองตัวเองในกระจก แล้วสบตาตัวเองได้อย่างไม่อายและไม่รู้สึกผิด การเป็นสื่อทางเลือกที่ผู้คนมากมายมาขอพึ่งในทางปัญญาก็น่าจะเป็นหนทางช่วย เติมเต็มได้

มีประโยชน์ใดเล่าที่จะได้ผลตอบแทนทางวัตถุทุกประการ เยี่ยงสื่อข้าทาส แต่ทนอยู่กับตัวเองไม่ได้เพราะความรู้สึกผิดและอุดมการณ์สมัยหนุ่มสาวมันตาม มาหลอกหลอน

ต้องบำรุงบำเรอตัวเองอยู่ในแวดล้อมของคนที่เดินหลงทาง มาด้วยกันและชวนกันเสพย์สุขแบบเปลือกไปวันๆ หรือไม่ก็ต้องเข้าไปร่วมกับขบวนการหาผลประโยชน์ทางสื่อและการเมืองอย่างที่ เราได้เห็น จนสุดท้ายกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประชาธิปไตยไปโดยไม่รู้ตัว

ผมขอแสดงความยินดีกับทุกๆ ท่านในสำนักไทยอีนิวส์ที่เลือกทางถูกมาแล้ว ๔ ปี

ขอให้ท่านรักษาตัวได้อย่างปลอดภัย ซื่อสัตย์ และเป็นประโยชน์ต่อมวลชนไปนานเท่านานครับ

*********

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ไทยอีนิวส์ของท่านผู้อ่าน

-ก้าวสู่ปีที่5:ชูธงโต้กระแสทวน ปรับขบวนก้าวรุดไป

-กานต์ ณ กานท์:4ปีThai E-news เป็นเทียนทานทนกลางลมแรง


-บท ความปฐมฤกษ์ที่เผยแพร่ในไทยอีนิวส์เมื่อตอนก่อตั้งเมื่อ 5 พ.ย.49:แถลงการณ์ขบวนทัพประชาชน 'ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน '

-ประชาไทสัมภาษณ์ไทยอีนิวส์:สื่อกระแสทวนในยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง

-ฝ่าด่านเผด็จการปิดกั้นสัจจะ ยอดผู้อ่านไทยอีนิวส์ผ่าน 20 ล้านคลิ้ก เฉพาะ19พฤษภาวันเดียวยอดอ่าน 3 แสน

-ไทยอีนิวส์ชี้แจง 2 ประเด็นกรณีไทยรัฐนำเสนอข่าว:เราไม่ใช่เวบของทักษิณ และเรายังโดนศอฉ.สั่งปิดอยู่

ไทยอีนิวส์ชี้แจง:กรณีทหารป้ายสีเป็น1ใน11เวปหมิ่นฯ ล่าสุดทัพเรือลบลิ้งค์ปฏิบัติการทำลายสื่อปชต.แล้ว

-ซีรีส์ชุด ปรับขบวนก้าวรุดไปสู่ชัยชนะ

กานต์ ณ กานท์:4ปีThai E-news เป็นเทียนทานทนกลางลมแรง



(1)

4 ปีล่วงผ่าน
ราวเพียงโมงกาลเคลื่อนไหว
หวังวาดสิทธิ์ - เสรี - ประชาธิปไตย
ราวยิ่งนานยิ่งไกลยิ่งมัวมน

4 ปีไขข่าว
ทายท้าอำนาจกร้าวเกลื่อนกล่น
ทวนกระแสหมอบราบ - "สื่อมวลชน"
หวังเป็นเทียนทานทนกลางลมแรง


(2)

กี่ปีใต้ฟ้าหม่น
ข่มขี่ไว้กี่คนสิ้นกำแหง
กี่วิญญาณขายวิญญาณเคยเดือดแดง
จรรยาบรรณราคาแพงหยามแย่งซื้อ

กี่ปีเงียบสงัด
ฝูงปราชญ์ตระบัดสัตย์จนสิ้นชื่อ
อวิชชาหมุนเวียนเปลี่ยนมือ
อุดมการณ์เคยยึดถือมาเหยียดหยัน


ยังแต่ประชาชน
แม้โดดเดี่ยวยังคงทนตั้งมั่น
ก้าวต่อก้าวใจต่อใจสู้ผลักดัน
ร่วมแรงโรมรันเป็นราษฎร์พลี

ยังแต่ประชาชน
ผู้ชูเทียนทานทนไปทุกที่
ผู้สิ้นเกรงต่อศักดาบารมี
ผู้ประจักษ์จนภักดีต่อประชาธิปไตย


(3)

4 ปีล่วงผ่าน
อีกกี่โมงกาลเคลื่อนไหว
ประชาชนยังคงทนฉันใด
จักร่วมแรงจุดไฟเดินเคียง

เพื่ออธิปไตย - เสรีภาพ
ภราดรภาพ สิทธิ์ - เสียง
ล้มล้างอยุติธรรมลำเอียง
เทิดทูนไว้เพียงประชาชน

ร่วมเดิน - ร่วมปรับกระบวนทรรศน์
ร่วมหยัดยืนต้านความฉ้อฉล
ด้วยผองเราทั้งมวลคือมวลชน
ร่วมเรียนรู้สู้ทนโดยเท่าเทียม

....

4 ปีไขข่าว
กี่บาดแผลขื่นคาวโหดเหี้ยม
กี่เพลิงแผดเผาจนไหม้เกรียม
ยังเปี่ยมศรัทธาประชาชน

เถิด, อีกกี่เพลิงแผดเผาจนไหม้เกรียม
จักยังเปี่ยมศรัทธาประชาชน



กานต์ ณ กานท์
5 พฤศจิกายน 2553




ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ไทยอีนิวส์ของท่านผู้อ่าน

-ก้าวสู่ปีที่5:ชูธงโต้กระแสทวน ปรับขบวนก้าวรุดไป


-บท ความปฐมฤกษ์ที่เผยแพร่ในไทยอีนิวส์เมื่อตอนก่อตั้งเมื่อ 5 พ.ย.49:แถลงการณ์ขบวนทัพประชาชน 'ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน '

-ประชาไทสัมภาษณ์ไทยอีนิวส์:สื่อกระแสทวนในยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง

-ฝ่าด่านเผด็จการปิดกั้นสัจจะ ยอดผู้อ่านไทยอีนิวส์ผ่าน 20 ล้านคลิ้ก เฉพาะ19พฤษภาวันเดียวยอดอ่าน 3 แสน

-ไทยอีนิวส์ชี้แจง 2 ประเด็นกรณีไทยรัฐนำเสนอข่าว:เราไม่ใช่เวบของทักษิณ และเรายังโดนศอฉ.สั่งปิดอยู่

ไทยอีนิวส์ชี้แจง:กรณีทหารป้ายสีเป็น1ใน11เวปหมิ่นฯ ล่าสุดทัพเรือลบลิ้งค์ปฏิบัติการทำลายสื่อปชต.แล้ว

-ซีรีส์ชุด ปรับขบวนก้าวรุดไปสู่ชัยชนะ

ชูธงโต้กระแสทวน ปรับขบวนก้าวรุดไป


โดยภาระเราเกิดเพื่อเทิดราษฎร์
ประเทศชาติให้อภิวัฒน์รังสรรค์
ปรับขบวนก้าวรุดไปใจเดียวกัน
ล้างอาสัตย์อาธรรม์มั่นสู่ชัยฯ


กองบรรณาธิการไทยอีนิวส์ , 5 พฤศจิกายน 2553

หาก คุณงามความดีอันพึงมี เราขออุทิศแด่ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ วีระประชาชนผู้จุดประกายบันดาลใจให้กำเนิดเวบนี้ ,คุณ BBB ผู้ถูกอำนาจอธรรมคุกคาม และคุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเวบประชาไท ผู้หาญกล้ายืดหยัดในสัจธรรม


**********

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ไทยอีนิวส์ของท่านผู้อ่าน

-บท ความปฐมฤกษ์ที่เผยแพร่ในไทยอีนิวส์เมื่อตอนก่อตั้งเมื่อ 5 พ.ย.49:แถลงการณ์ขบวนทัพประชาชน 'ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน '

-ประชาไทสัมภาษณ์ไทยอีนิวส์:สื่อกระแสทวนในยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง

-ฝ่าด่านเผด็จการปิดกั้นสัจจะ ยอดผู้อ่านไทยอีนิวส์ผ่าน 20 ล้านคลิ้ก เฉพาะ19พฤษภาวันเดียวยอดอ่าน 3 แสน

-ไทยอีนิวส์ชี้แจง 2 ประเด็นกรณีไทยรัฐนำเสนอข่าว:เราไม่ใช่เวบของทักษิณ และเรายังโดนศอฉ.สั่งปิดอยู่

ไทยอีนิวส์ชี้แจง:กรณีทหารป้ายสีเป็น1ใน11เวปหมิ่นฯ ล่าสุดทัพเรือลบลิ้งค์ปฏิบัติการทำลายสื่อปชต.แล้ว

-ซีรีส์ชุด ปรับขบวนก้าวรุดไปสู่ชัยชนะ

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 04, 2010

สุชาติ นาคบางไทร เปิดใจลอดซี่กรงคุกคดีหมิ่น:ไม่ตั้งทนาย ไม่ประกัน ไม่ขออภัยโทษ ขอให้ทุกคนสู้ต่อ


ฝาก การ์ตูนเก่าๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้น้าชาติ เพื่อนร่วมรบ ก่อนจะมาเป็นคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ / จาก GAG LASVEGAS รหัสDcode' USA.702'

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 พฤศจิกายน 2553



"น้า ชาติจะพยายามปรับตัวให้ใช้ชีวิตอยู่ในคุกให้ได้ อาจจะใช้เวลาที่อยู่ในคุก ไปในการเขียนหนังสือ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ไปตามวิถีของตัวเองต่อไป"สมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการที่ไป เยี่ยมรายงาน


สมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ รายงานความคืบหน้าการจับกุมนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า ได้พร้อมกันกับภรรยาและลูกสาวของนายสุชาติไปเยี่ยมเขาที่ศาลอาญา รัชดาฯ โดยถูกนำตัวมาจาก สน.ชนะสงครามส่งที่ศาลในเวลาราว 10.30น.วันที่ 2 พฤศจิกายน

พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ควบคุมตัวนายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือสุชาติ นาคบางไทร อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาขออำนาจศาลอาญา ฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน

ส่วนคำร้องฝากขัง สรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2551 เวลา 18.05 -18.15 น. ผู้ต้องหาได้กล่าวปราศรัยบนเวที ที่ท้องสนามหลวง แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ด้วยถ้อยคำที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจากศาลอาญา ก่อนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง

บรรยากาศที่ศาล มีนักข่าวมาถ่ายรูปจำนวนมาก นายสุชาติดูค่อนข้างอิดโรย อาจเป็นเพราะเครียด และนอนไม่หลับ แต่ก็ยังดูเข้มแข็งและมีกำลังใจดี

เมื่อมาถึงศาล เจ้าหน้าที่นำตัวเขาเข้าไปอยู่ในห้องขังที่เป็นกรง ผู้ไปเยี่ยมรายงานว่า ก็ได้ตะโกนคุยกันนิดหน่อย ระหว่างที่นายสุชาติกินข้าวกลางวันไปด้วย

นายสุชาติแจ้งกับผู้ไปเยี่ยม ว่า ขอให้คนที่สนับสนุนเขา หยุดการต่อสู้ทางคดีไว้ทั้งหมด เพราะเขาได้ยอมรับสารภาพไปทั้งหมดแล้ว
ไม่ ขอทนาย ไม่ขอประกัน ไม่ขออภัยโทษ ดังนั้นจะไม่มีอะไรมาเกี่ยวข้องกับคนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเรียกร้องประ ชาธืปไตยทั้งสิ้น ขอให้พวกเราทุกคนสบายใจ และดำเนินชีวิตไปตามปรกติ และต่อสู้ต่อไปตามวิถีของตัวเอง

"น้าชาติจะพยายามปรับตัวให้ใช้ชีวิต อยู่ในคุกให้ได้ อาจจะใช้เวลาที่อยู่ในคุก ไปในการเขียนหนังสือ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ไปตามวิถีของตัวเองต่อไป"สมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ที่ไปเยี่ยมรายงาน

หลัง จากนั้นประมาณบ่าย 2 โมง นายสุชาติพร้อมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆประมาณ10กว่าคน ถูกนำตัวขึ้นรถบัสของคุก ที่เป็นกรงขังและปิดกระจก เพื่อส่งตัวไปฝากขังต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เดียวกับนางสาวดารุณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ"ดา ตอปิโด"ซึ่งถูกดำเนินคดีหมิ่นฯไปก่อนหน้านี้

มี รายงานว่าจะเป็นการฝากขังเป็นผลัดละ 12 วัน ได้อีกประมาณ 7-8 ผลัด จนกว่าอัยการจะทำสำนวนฟ้องเสร็จ จึงจะถูกนำตัวกลับมาพิจารณาคดีที่ศาลอาญาอีกครั้ง

สำหรับการไปเยี่ยมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้เยี่ยมในเวลาราชการ ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30น. - 17.00น.
ให้ เข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 5 คน ระยะเวลาในการเยี่ยม 15 นาที วันละ 1 ครั้งเท่านั้น รอบเช้า หรือ รอบบ่าย "ดังนั้นหากใครอยากไปเยี่ยม ให้นัดกันล่วงหน้าก่อน แล้วไปพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากประสานกับทางครอบครัวก่อนได้จะดีมาก เพราะครอบครัวคงไปเยี่ยมทุกวัน หากมีใครไปเยี่ยมตัดหน้าก่อนแล้ว ครอบครัวจะเยี่ยมอีกไม่ได้ในวันเดียวกัน"

ดร.สม ศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการ เขียนแสดงความเห็นในกระดานสนทนา คนเหมือนกันว่า..ความจริง มีคนบอกผมมาสักพักนึงแล้วว่า คุณสุชาติ กลับเข้ามาเมืองไทย ตอนแรกที่ผมได้ยิน ก็ตกใจและแปลกใจเหมือนกัน เห็นคนที่บอก เขาว่า เข้าใจว่าคุณสุชาติอาจจะคิดว่า ถ้าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรให้เป็นข่าว ก็อาจจะอยู่ได้ นี่แสดงว่า ตำรวจอาจจะได้ยินข่าวคราวขึ้นมา?

เรื่องไม่สู้คดี "สารภาพ" (ไม่อุทธรณ์ ฎีกา ไม่เอาทนาย) ผมก็อ่านจากข่าวเช่นกัน

ผม เดาว่า คุณสุชาติ คงคิดในแง่ว่า ถ้าทำในลักษณะนี้ มีโอกาสที่ภายในประมาณ 2 ปี ก็สามารถเป็นอิสรภาพได้ ในกรณีที่โดนตัดสิน แล้วยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ทำนองเดียวกับคุณสุวิชา ท่าค้อ และคุณบุญยืน (ดูเหมือนจะประมาณ 2 ปีนับจากถูกจับทั้งคู่)

ดังที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ เช่นกรณีคุณสุวิชา เรื่องคดี ม.112 นั้น ต้องแล้วแต่ แต่ละคนที่ต้องคดีจะตัดสินใจตามสภาพของตัวเอง (และครอบครัว) ผมไม่มีความเห็นอะไร ลักษณะของคดีนี้ มันไมใช่คดีธรรมดา โอกาสที่ ถ้าถึงขั้นฟ้องศาลแล้ว จะสู้คดี แล้วชนะ เป็นไปได้ยากมากๆ (ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าศาลตัดสินใจว่า ไม่ผิด จะไม่ยิ่งเป็น "ตัวอย่าง" ให้กับคนอื่น) ดังนั้น อย่างกรณีคุณสุวิชา คุณบุญยืน ที่ตัดสินใจในลักษณะนั้น ก็คงพอเข้าใจได้ คุณสุชาติ ก็อาจจะคิดในลักษณะคล้ายกัน

อย่างกรณีคุณดา (ตอปิโด)คงอีกหลายปี กว่าจะผ่านขั้นอุทธรณ์ และถ้าตัดสินยืนว่าผิดอีก ก็คงอีกเป็นปี กว่าจะถึงขั้นฎีกา ฯลฯ และถ้าผิดอีก ? ถึงตอนนั้น จะขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ โอกาสอาจจะน้อยลง สรุปแล้ว มีความไม่แน่นอนสูงมาก

*********
รายงานเกี่ยวเนื่อง:สดุดีวีรประวัติ 4 ปีการลุกขึ้นสู้ของภาคพลเมือง สดุดีอิฐก้อนแรก สุชาติ ณ บางไซ

วันพุธ, พฤศจิกายน 03, 2010

หากจะยุบศาลรัฐธรรมนูญ ต้องยุบศาลปกครองด้วย


ฉะนั้น การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะยุบรวมศาลฎีกาก็ยังพอฟังได้ แต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไปยุบรวมเป็นแผนกหนึ่งของศาลปกครองจึงเป็นข้อเสนอ ที่ตลกเอามากๆ


โดย ชำนาญ จันทร์เรือง
3 พฤศจิกายน 2553

หลัง จากที่มีการเผยแพร่”คลิป”เกี่ยวกับคดีการยุบพรรคประชาธิปัตย์และการสอบคัด เลือกเจ้าหน้าที่ ศาลรัฐธรรมนูญออกมา ได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญและศาลอื่นๆ

ด้วย มีการเสนอให้มีการปฏิรูปศาลทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของบุคคลากรและองค์ประกอบขององค์กร การสรรหาและการตรวจสอบจากรัฐสภาและประชาชน

อย่างไรก็ตามการปฏิรูปศาล ทั้งระบบนั้น เป็นเรื่องใหญ่และต้องถกเถียงกันอีกมาก เพราะแรงต้านจากองค์กรที่จะถูกปฏิรูปคงมีอย่างแน่นอน และเป็นหนังเรื่องยาวชนิดหลายตอนจบ

แต่ก็ต้องทำเพราะโลกได้หมุนไป ข้างหน้ามากแล้ว แต่เรายังไปไม่ถึงไหน ทั้งๆที่ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีเลือกตั้งผู้พิพากษากันแล้ว

แต่ของเราอย่าว่าแต่เลือกตั้งผู้พิพากษาเลย แค่เพียงการตรวจสอบหรือวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนยังทำได้ยากเลย

ประเด็น ที่น่าสนใจเป็นปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ก็คือ การเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญให้ไปรวมกับศาลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางนายเอง ที่อยากให้ยุบไปรวมกับศาลฎีกา หรือศาลปกครองเสียให้สิ้นเรื่องหากยังยุ่งนัก

ประเด็นการ ยุบรวมนี้ดูเผินๆอาจจะดูง่ายๆ เพราะแก้กฎหมายเสียก็เป็นอันใช้ได้ แต่อันที่จริงแล้ว การมีหรือไม่มีศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นเรื่องของระบบศาล ของประเทศนั้นๆเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่จะไปถึงประเด็นที่ ว่าไทยเราควรยุบหรือไม่ยุบศาลรัฐธรรมนูญ นั้น เรามาเข้าใจกันเสียก่อนว่าระบบศาลในโลกนี้มีอยู่ ๒ ระบบ คือ ระบบศาลเดี่ยวกับระบบศาลคู่

ระบบศาลเดี่ยว(Single Court System)หมายถึงประเทศนั้น ไม่มีการจัดตั้งศาลขึ้นมาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมหาชนเป็นการเฉพาะ

ซึ่งศาลที่ใช้กฎหมายมหาชนที่ประกอบไปด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายปกครองก็คือศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองนั่นเอง

เมื่อ ไม่มีการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครองขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ในประเทศที่ใช้ระบบศาลเดี่ยวซึ่งได้แก่ประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (Common Law) ได้แก่ประเทศอังกฤษ และประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษก็จะใช้ศาลยุติธรรมทำหน้าที่เป็น ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองแทน

โดยศาลสูงสุดของแต่ละประเทศก็จะทำ หน้าที่เป็นศาลรัฐธรรมนูญ เช่น สหรัฐอเมริกาใช้ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา (the U.S. Supreme Court) หรือศาลสูงสุดของรัฐบาลกลาง (the Federal Supreme Court) เป็นศาลรัฐธรรมนูญ

อังกฤษใช้ศาลยุติธรรมสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งหมายถึง ศาลสภาขุนนาง (House of Lords)

และ ญี่ปุ่นก็ใช้ศาลสูงสุดของญี่ปุ่น (The Supreme Court of Japan) เป็นศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนคดีปกครองที่อยู่ในอำนาจของ ศาลปกครองนั้นจะอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมซึ่งอาจจะตั้งเป็นแผนกคดีปกครอง เป็นการเฉพาะหรือในลักษณะศาลพิเศษ(Tribunal)ขึ้นมา แต่ยังสังกัดศาลยุติธรรม

ส่วนประเทศที่ใช้ระบบศาลคู่(Dual Court System)นั้น หมายถึงประเทศที่มีการจัดตั้งศาลขึ้นมาพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายมหาชนเป็นการเฉพาะ แยกอิสระจากศาลยุติธรรมในลักษณะคู่ขนาน

ฉะนั้น คำว่าศาลคู่ในที่นี้จึงหมายความถึงคู่ขนาน มิใช่ในความหมายของคำว่า”สอง” ประเทศที่ใช้ระบบศาลคู่จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพียงสองศาล อาจจะมีมากกว่าสองก็ได้

เช่น ในไทยเรามีทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครองและศาลทหาร และเช่นเดียวกันคำว่าศาลเดี่ยวก็ไม่จำเป็นต้องมีเพียงศาลเดียว เช่น ไทยเราก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี ๔๐ เราใช้ระบบศาลเดี่ยว แต่เราก็มีทั้งศาลยุติธรรมและศาลทหาร

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากประเทศใดใช้ระบบศาลคู่ก็จะต้องมีศาลปกครองกับศาลรัฐธรรมนูญ หากประเทศใดใช้ระบบศาลเดี่ยวก็จะไม่มีศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองนั่นเอง

ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าขำที่มีการเสนอให้ยุบรวมศาลรัฐธรรมนูญเข้ากับศาลยุติธรรมโดยยังคงเหลือศาลปกครองไว้

แต่ ที่น่าตลกที่สุดก็คือการเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญไปอยู่กับศาลปกครอง เพราะโดยศักดิ์แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีสถานะเหนือกว่าศาลปกครองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอำนาจหน้าที่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยว่ากฎหมายในระดับพระราชบัญญัติใด ขึ้นไปขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

แต่ศาลปกครองมีอำนาจวินิจฉัย กฎหมายเพียงระดับกฎหมายรองคือกฎหมายในระดับที่ต่ำกว่าพระราชบัญญัติลงมาเท่า นั้น อาทิ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ระเบียบกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ฯลฯ

ใน ระดับตัวผู้นำขององค์กรก็เช่นกัน ในงานพิธีต่างๆ ลำดับอาวุโสของตำแหน่งจะเรียงจากประธานศาลฎีกาก่อน ต่อด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจึงมาถึงประธานศาลปกครองสูงสุด

ฉะนั้น การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะยุบรวมศาลฎีกาก็ยังพอฟังได้ แต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไปยุบรวมเป็นแผนกหนึ่งของศาลปกครองจึงเป็นข้อเสนอ ที่ตลกเอามากๆ

ในความเห็นของผมนั้น ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการการยุบศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนอกเหนือจากเหตุผลที่ว่าประเทศเราใช้ระบบศาลคู่แล้ว ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่ปี ๔๑ ศาลรัฐธรรมนูญทำได้ดีพอสมควรในเรื่องของการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ

ถึง แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยในหลายๆ ประเด็น อาทิ การยุบพรรคการเมืองต่างๆ หรือการตีความในกรณีรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๐ ฯลฯ เพราะการที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีที่มาอย่างหลากหลายย่อมทำให้การวินิจฉัย ตีความรัฐธรรมนูญย่อมทำได้ดีกว่าการที่มีที่มาจากแหล่งเดียว

เป็น ธรรมดาอยู่เองที่การใช้อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญของทุกประเทศ ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้อำนาจหน้าที่ขององค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐ

เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มีบท บัญญัติเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ขององค์กรของรัฐ เช่น รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมตลอดทั้งสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการควบคุมตรวจสอบ เป็นต้น

กอปรกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นที่สุดและเด็ดขาด มีผลผูกพันบุคคล องค์กร และหน่วยงานของรัฐทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ

ฉะนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องได้รับแรงเสียดทานและวิชามารจากฝ่ายการเมือง

ประเด็น สำคัญอยู่ที่ว่าตัวตุลาการเองจะต้องมีจรรยาบรรณ ความสุจริต ไม่เอาความชอบความชังส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และต้องกล้ายืนหยัดในความถูกต้อง

ที่สำคัญที่สุดต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบได้ด้วย ซึ่งก็รวมถึงการถูกยื่นถอดถอนจากวุฒิสภาด้วยหากจะมีขึ้น

กล่าว โดยสรุปก็คือ หากจะยุบศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาจริงๆแล้ว ก็ต้องยุบศาลปกครองไปด้วย เพราะในเรื่องของระบบศาลนั้นศาลรัฐธรรมนูญกับศาลปกครองเป็นของคู่กัน

แต่ จะให้ดีที่สุดก็คือยังคงไว้ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง เพราะเป็นศาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนตัวบุคคลก็ว่ากันเป็นรายๆ ไป เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น นั่นเอง

--------------------------

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

สังคมข่าวชาวเสื้อแดง:ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน


ช็อตเด็ดวันนี้ ประชาชนต้องรอก่อน-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พุ่งความสนใจไปยังแผ่นภาพอะไรสักอย่าง คล้ายฟิล์มเอ็กซเรย์ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่แพทย์ ไม่รู้ว่าดูแล้วจะรู้เรื่องไหม ระหว่างเยี่ยมโรงพยาบาลหาดใหญ่โดนน้ำท่วม โดยปล่อยให้คนป่วยนอนให้น้ำเกลืออยู่บนพื้นเบื้องหน้า มีญาติดูแลกันตามมีตามเกิด ราวกับว่าไม่ได้รับความใส่ใจใยดีจากนายกฯเลย (ภาพข่าว:REUTERS)

โดย นักข่าวชาวรากหญ้า
3-7 พฤศจิกายน 2553

***ส่งไม้ต่ออนุชน

ภาพเก็บตกงานรำลึก4ปีวีระประชาชนนวมทอง ไพรวัลย์ ในภาพลูกชายและหลานสาวของลุงนวมทอง มาร่วมกิจกรรมรำลึกที่อนุสรณ์สถาน14ตุลาฯ...***

***รำลึกวีรชนชุมชนบ่อนไก่


ภาพเก็บตกงานที่ชาวชุมชนบ่อนไก่จัดกิจกรรมรำลึกผูกผ้าแดง จุดเทียนรำลึกแก่วีรชนบ่อนไก่ที่ถูกสังหารในช่วงการชุมนุมเดือนพฤษภาคม (ภาพโดย:คุณบุหลันแรม)


***กิจกรรมงานวิชาการที่ไม่น่าพลาดอย่างยิ่ง เชิญร่วมสัมมนาเรื่อง “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านหลังกรณี เม.ย.–พ.ค. 53:การแสวงหาความจริง-การรับผิด-ความยุติธรรม-ความปรองดอง” วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ณ ห้อง ร.103 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดโดย ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณีเม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.)

8.30 - 9.00 น. ลงทะเบียน

9.00 - 9.15 น. กล่าวเปิดงาน โดย ผศ.ดร. ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอ่านบทความนำการสัมมนาเรื่อง “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านกับกรณีของประเทศไทย” ของ ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล

9.15-12.00 น. อภิปรายเรื่อง “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน: กรณีศึกษาจากต่างประเทศ”

วิทยากร
- กรณีเกาหลีใต้ โดย ดร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- กรณีอาร์เมเนีย โดย ดร. แดนทอง บรีน สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)

- กรณีอาร์เจนตินา โดย ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักเขียนอิสระ

- กรณีกัมพูชา ชิลี แอฟริกาใต้ และกรณีเปรียบเทียบ โดย อ.ประจักษ์ ก้องกีรติคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ดำเนินรายการ โดย ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ

12.00 - 13.00 น. พักรับประทานอาหาร

13.00 – 13.15 น. สรุปเนื้อหาการอภิปรายช่วงเช้า โดย รศ.ดร. กฤตยา อาชวนิจกุล สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล

13.15 - 16.30 น. เสวนาเรื่อง “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านแบบไทยๆ”วิทยากร

- ดร. ศรีประภา เพชรมีศรี ศูนย์สิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนา มหาวิทยาลัยมหิดล
- พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กรณี เม.ย.-พ.ค. 2553
- ประธานคณะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หรือตัวแทน*
- ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือตัวแทน*
- กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
- ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์*
- อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พรรคเพื่อไทย
ดำเนินรายการ โดย ผศ. เวียงรัฐ เนติโพธิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


* หมายเหตุ อยู่ระหว่างติดต่อ***

***กำหนดการสวดศพศุขปรีดา พนมยงค์ บุตรชายคนเล็กนายปรีดี พนมยงค์

นาย ศุขปรีดา พนมยงค์ บุตรชายคนเล็กนายปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ถึงแก่กรรมด้วยวัย 75 ปี เมื่อ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้บริจาคร่างกายให้ร.พ.ธรรมศาสตร์ พิธีศพจัดที่วัดประชาธิปไตย(วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน) 29 ต.ค.-4พ.ย. 18.30น. และจะจัดพิธีรำลึกที่สถาบันปรีดีฯ (ชมวิดิโอ หวนอาลัยศุขปรีดา พนมยงค์)

ขอ เชิญผู้ที่เคารพนับถือ ญาติมิตร ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพในเวลา 18.30 น. ที่ศาลา 9/1 ก่อนจะนำร่างกายไปบริจาคที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตามความประสงค์ของนายศุขปรีดาต่อไป (อ่านบทสัมภาษณ์ศุขปรีดา เขาพยายามทำลายชื่อเสียงผู้ก่อการ เขามีทั้งกำลังคนกำลังทรัพย์แน่นหนามาก )***


***เวบไซต์www.serichon.com จั ดกิจกรรมโยนโบว์ลิ่ง หา ทุนสนับสนุนวิทยุออนไลน์เสรีชน ที่เมเจอร์โบว์ล ชั้น6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว เสาร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ 09.00-13.00 ค่าสมัครทีมละแค่1500(3ท่านต่อทีม)ชิงถ้วยนายกฯทักษิณ หากหาทีมไม่ได้ เจ้าภาพจัดหาให้ที่หน้างาน (มาท่านเดียวแค่500)ฝีมือไม่เกี่ยว ไม่ต้องพกมา พกมาแค่ความฮากับพกเพื่อนรู้ใจ สมัครหรือขอรายละเอียดที่serichonteam@yahoo.com โทร087-0570640***


***คอนเสิร์ตใจประสานใจแจ้งย้ายสถานที่จัดงานจาก ถ.พระราม 2 สมุทรสาคร เป็น อิมพีเรียล ฮอลล์ชั้น 6 ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ย.2นี้ เวลา 12.00 - 24.00 น. ผู้ร่วมรายการ 111 ไทยรักไทย + 37 + เพื่อไทย + นักประชาธิปไตย + นปช. จัดโดย..คณะผู้นำการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) รุ่น 1- 4 ร่วมกับ คณะวิชาการเพื่อประชาธิปไตย

ค่าบัตรเพียง 120บาท รายได้มอบให้กับพี่น้องที่ได้รับผลกระทบในเหตุชุมนุมทางการเมืองและผู้ประสบภัยน้ำท่วม***

***กลุ่ม Red Cyber "คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน" จัด งานกอล์ฟการกุศล "คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน" วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ที่สนามกอล์ฟเมืองเอกรังสิต ชิงถ้วย ท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและท่านอื่น ๆ อีกมากมาย ราคาก๊วนละ 10,000 บาท สำหรับท่านที่ไม่ตีกอล์ฟ ก็ไปงานเลี้ยงตอนเย็น ราคาท่านละ 300 บาท สนใจติดต่อปุ้ยได้เลยค่ะ..โทร 082-6301700 ***


***เสื้อแดงนิวยอร์ค สหรัฐ อเมริกา ซึ่งเคยต้อนรับทองม้าร์คตอนไปประชุมUNอย่างถึงอกถึงใจเมื่อเดือนกันยายนที่ ผ่านมา จัดกิจกรรมแดงช่วยแดง วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 5.30-11.30pm ที่new broadway seafood restaurant พบปะสังสรรค์ร่วมรับประทานอาหาร และร่วมใจกันบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทรราชสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ภายในงานพบการโฟนอินจาก...(อุ๊บ!) และกิจกรรมRED POSTCARD เขียนข้อความให้กำลังใจคนเสื้อแดงทางเมืองไทย เพื่อให้รับรู้ว่ามีคนไทยในต่างแดนรักประชาธิปไตยร่วมต่อสู้ ช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้พี่น้องเราตลอดไป รายละเอียดคลิกดูตามโปสเตอร์ข้างบน***

***เสื้อแดงเดนมาร์ค

ภาพ กิจกรรมประชุมพบปะสังสรรค์ของนปช.เดนมาร์ค กลุ่มอิสระเสรีชนที่กรุงโคเปนเฮเก้น เสื้อแดงเวลานี้มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก เพื่อเคลื่อนไหวสนับสนุนเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับมาตุภูมิ***


***กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วมพลเมืองไทย กลุ่มแดงเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน"ลอยกระทงรักไทขับไล่อภิสิทธิ์"ขึ้นที่เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมงานในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.00-23.30น.

โดยจุดหมุ่งหมายของงานให้สะท้อนผลงานอันอัปยศของนายอภิสิท ธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมแห่กระทงการเมืองเผาอภิสิทธิ์เผา เทียนเล่นไป ปล่อยโคมลอย รำวงย้อนยุค และมีการประกวดนางนพมาศ โดยคนเสื้อแดงจะ ส่งนางนพมาศทุกอำเภอมาประกวดในงาน และจะมีการปราศรัยจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และปราศรัยจากกลุ่มเชียงใหม่แดง***

***ส่วนเสื้อแดงกรุงเทพฯและปริมณฑล แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ [นปช. FACEBOOK แดงทั้งแผ่นดิน] เชิญร่วมลอยกระทงชาวเสื้อแดงที่ ท่าน้ำสะพานพระราม 7 ฝั่งโรงไฟฟ้าบางกรวย (สุดสายรถเมล์ สาย 50) 21 พฤศจิกายน 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

โดย ปกติสถานที่ดังกล่าวจะมีการจัดงานด้วยอยู่แล้ว (งานคล้ายงานวัด) เพียงแต่ครั้งนี้ เราก็ไปร่วมกันลอยกระทงที่ท่าน้ำนั้น และเดินเที่ยวงาน ถ้าเราไปกันเยอะๆ ก็เหมือนงานเสื้อแดงที่เคยจัดที่ห้างอิมพีเรียล หรือครั้งที่เราไปร่วมงานที่สวนรถไฟ ของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง งานนี้กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงร่วมด้วย***

***เแดงเถิดเทิง เริงลมหนาว ตาสว่าง


พบ กับบรรยากาศงานวัดย้อนยุค รำวงลีลาศ, แข่งยิงหนังสติ๊ก, ปาเป้า, แข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะ (เพลงเสื้อแดง), สินค้า OTOP, เสวนาการเมือง นำทีมโดย อ.สุรชัย แซ่ด่าน, คุณโด่ง อรรถชัย พร้อมทีมเสรีชน, ศิลปิน แป๊ะ บางสนาน, ชายอิสระชน, อเล็กซ์ คนใต้, หมอลำส้มโป๊ะ, วง The Red

วัน ที่ 26-28 พ.ย 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 -23.00 น. ณ ตลาดไทยสุขดี คลองสี่ ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย นำไปช่วยเหลือพี่น้องในเรือนจำ, สนับสนุนวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง, ช่วยแดงสู้ลมหนาว บัตรผ่านประตูเพียงท่านละ 10 บาท

โดยทีมงาน Red Cam frog, Red Cyber, สถานีวิทยุชุมคนไทยหัวใจเดียวกัน FM 102.75 MHz ติดต่อ Mivakoe Jang FB, 089-823 7143 Fullmoonnight***


เส้นทางสีแดงเดินทัพทางไกล1700กม.สู่18จังหวัดอีสาน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมปาก

เริ่มเดินทัพทางไกล-คน เสื้อแดงเริ่มเดินทางไกลด้วยการปั่นจักรยาน และเดินทางเท้า 1700 กิโลเมตร นาน 1 เดือน โดยออกจากจุดสตาร์ท แยกราชประสงค์ ปลายทาง 18 จังหวัดภาคอีสาน เมื่อช่วงบ่าย 31 ตุลาคม กิจกรรมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ (ชมภาพชุดการปล่อยขบวนจากราชประสงค์ทางface book)



โครงการ กิจกรรมเดินและปั่นจักรยานเส้นทางสีแดง 1,700 กิโลเมตรจากราชประสงค์-ปลายทางประเทศลาว ระยะเวลา 1 เดือนจาก 31 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน โดยมีกำหนดการ และมีหลายวาระ หลายช่องทางให้คนเสื้อแดงได้มีส่วนเข้าร่วมกิจกรรม ดังกำหนดการต่อไปนี้


กำหนดการเดินทาง เส้นทางสีแดง ( Red Path Project )
18 จังหวัด 22 จุดแวะพัก ระยะทาง 1,700 กม.


วันที่ ต้นทาง ปลายทาง ระยะทาง (กม.)

31 ตค. ราชประสงค์ / คลองเปรม ปทุมธานี 46 กม.
1 พย. ปทุมธานี อยุธยา 53
2 พย. อยุธยา มวกเหล็ก 100
3 พย. มวกเหล็ก มวกเหล็ก
4 พย. มวกเหล็ก ลำตะคอง 26
5 พย. ลำตะคอง นครราชสีมา 94
..................
กิจกรรมที่โคราช

5 พ.ย. แวะไหว้หลวงพ่อโต สีคิ้ว ค้างแรม สูงเนิน
6 พ.ย. ไหว้ย่าโม เวทีคอนเสริท์ ค้างโคราช
7 พ.ย. ร่วมช่วยเหลือโรงเรียนและวัดที่ถูกน้ำท่วม ค้างโคราช
8 พ.ย. เดินทางไปบัวใหญ่
6 พ.ย. กิจกรรมแกนนอน บก.ลายจุด ร่วมเวที ค้างโคราช
7 พ.ย. ร่วมช่วยเหลือโรงเรียนและวัดที่ถูกน้ำท่วม

.............


9 พย. บัวใหญ่ ชัยภูมิ 55
10 พย. ชัยภูมิ ชุมแพ 108
11 พย. ชุมแพ ขอนแก่น 82
12 พย. ขอนแก่น ขอนแก่น
13 พย. ขอนแก่น กาฬสินธ์ 77
14 พย. กาฬสินธ์ มหาสารคาม 44
15 พย. มหาสารคาม ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) 98
16 พย. ร้อยเอ็ด (สุวรรณภูมิ) ยโสธร 48
17 พย. ยโสธร ศรีษะเกษ (ราศีไศล) 66
18 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) ศรีษะเกษ (ราศีไศล)
19 พย. ศรีษะเกษ (ราศีไศล) อุบลราชธานี 95
20 พย. อุบลราชธานี อำนาจเจริญ 75
21 พย. อำนาจเจริญ มุกดาหาร 88
22 พย. มุกดาหาร นครพนม (ธาตุพนม) 161
23 พย. ธาตุพนม สกลนคร 48
24 พย. สกลนคร พังโคน 54
25 พย. พังโคน อุดรธานี 118
26 พย. อุดรธานี อุดรธานี
27 พย. อุดรธานี หนองคาย 51
28 พย. หนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 12
29 พย. หนองคาย หนองคาย -
30 พย. ลาว ร่วมทอดกฐินสามัคคีพี่น้องไทย-ลาว ชมคอนเสิรท์ใหญ่ แป๊ะ คนบางสนาน และศิลปินเสื้อแดง
1 ธค. เดินทางกลับโดยรถไฟ รถด่วนขบวนที่ 762 ออกจากหนองคาย 06.00 น. ถึงหัวลำโพง 17.10 น. สิ้นสุดขบวนเดินทางที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 18.00 น. (ถ่ายรูปกับคนเสื้อแดง สื่อมวลชนถ่ายรูป ทำข่าว)


หมายเหตุ : 1. ตารางการเดินทางอาจมีการปรับเปลี่ยนในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

2. สื่อมวลชนต้องการทำข่าว ติดต่อ 081-583 6964 E-mail : red_truth_only@hotmail.co.th Face Book : เรดทรู้ธ

ผู้ต้องการสมทบทุนโครงการเส้นทางสีแดง (Red Path Project) โอนเงินสมทบได้ที่ ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาอิมพีเรียลเวิล์ด ลาดพร้าว ชื่อบช.'นายสุพิน ชินบุตร และ/หรือ นายธนะสิทธิ์ พิพุฒ และ/หรือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บช.ออมทรัพย์เลขที่ 224-241343-5'

กิจกรรมนี้มีกันทั่วโลก ต่างประเทศ นำโดยคุณคอนเนอร์ เพอร์เซล ชาว ออสเตรเลียที่ติดคุกในไทยเพราะขึ้นปราศรัยเวทีเสื้อแดงที่ผ่านมา และได้ออกจากคุกแล้ว จัดงานพร้อมกันกับที่ขบวนแรลรี่ปั่นจักรยานโครงการเส้นทางสีแดง


โครงการ เส้นทางสีแดง (Red Path Project) เป็นโครงการด้านมนุษยธรรมเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสังหารหมู่ใน วันที่ 10 เมย.และ 13-19 พค.ที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชนชาวไทยที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โครงการนี้ดำเนินการโดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ

โดย โครงการนี้มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำนปช.และผู้ต้องขังในคดี ชุมนุม เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการปฏิบัติ 2 มาตรฐานทางกฏหมาย และเรียกร้องให้นานาชาติได้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงหลังรัฐประหาร 19 กย. 2549

โครงการนี้มี คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ (แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง) และอาจารย์ธิดา โตจิราการ เป็นที่ปรึกษาโครงการในประเทศไทย และมีคุณพอร์แชล คอนเนอร์ (อดีตนายทหารบกออสเตรเลียที่ถูกจับกุมคุมขังและถูกซ้อมอย่างทารุณในเรือนจำ คลองเปรม) เป็นสมาชิกกลุ่มและที่ปรึกษาโครงการในต่างประเทศ

โครงการ เส้นทางสีแดงประกอบด้วยคนเสื้อแดงที่รักความเป็นธรรมและมีความมุ่งมั่นที่จะ นำน้ำใจและความช่วยเหลือมอบให้แก่พี่น้องเสื้อแดงที่อีสานซึ่งได้รับผลกระทบ จากการสังหารหมู่ มากที่สุด คนเสื้อแดงในภาคอีสานจำนวนมากถูกสังหาร บาดเจ็บ พิการ และสูญหายอีกจำนวนมาก สมาชิกโครงการจะร่วมกันเดินเท้าและปั่นจักรยานเพื่อไปเยี่ยมเยียน เยียวยา และให้กำลังใจบุคคลที่น่าเห็นใจเหล่านี้ได้มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป และไม่ย่อท้อที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงที่พวกเขาโหยหามาชั่ว ชีวิต***

*************



สดุดีวีรประวัติ 4 ปีการลุกขึ้นสู้ของภาคพลเมือง สดุดีอิฐก้อนแรก สุชาติ นาคบางไทร
***เมื่อ 1พ.ย.53ตำรวจกองปราบฯ นำกำลังเข้าจับกุม นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ สุชาติ นาคบางไทร อดีตแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่มการเมืองภาคประชาชนกลุ่มแรกที่เปิดตัวต่อต้านการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความ บังเอิญอยู่ที่สุชาติถูกจับในวันที่ 1 พฤศจิกายนปีนี้ อันตรงกับวันแรกที่เขาเปิดตัวเป็นผู้นำกลุ่มคนวันเสาร์เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2549 หรือครบรอบ 4 ปีแห่งการต่อต้านรัฐประหาร
ตำรวจ อ้างเหตุการจับกุมว่า สืบเนื่องจากนายสุชาติ ได้ขี้นกล่าวปราศรัยเวที นปช.ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 โดยมีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง

การเข้าจับกุมตัวสุชาติได้ เมื่อวานนี้ ขณะกำลังนั่งรับประทานอาหาร ที่บริเวณศูนย์อาหาร ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าแพลททินั่มแฟชั่นมอลล์ สอบถามผู้ต้องหา ให้การยอมรับเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ซึ่งในวันนี้ได้กลับมาหาลูกที่ กทม. และนัดมารับประทานอาหารด้วยกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อดำเนินคดีต่อไป***

***สุชาติจะหมิ่นหรือไม่หมิ่นฯตามข้อกล่าวหา สิ่ง ที่เราอยากเรียกร้องจากกระบวนการยุติธรรมคือต้องเปิดโอกาสให้เขาได้ประกัน ตัว ไม่ใช่จับยัดคุกขังลืมเหมือนดา ตอร์ปิโด หรือใครๆที่โดนคดีนี้ และเขาจะผิดหรือถูกนั่นเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันตามกระบวนยุติธรรมที่เป็นธรรม...ดังนั้นวันนี้มารำลึกวีรประวัติการต่อสู้เบื้องแรกของภาคประชาชน ก่อน จะคลี่คลายขยายตัวมาเป็นเสื้อแดงทั่วไทย ฝ่ายประชาธิปไตยทั่วมุมโลกอย่างที่เห็นกันเวลานี้ ซึ่งจะทำให้เห็นคุณูปการอันสำคัญของสุชาติกับกลุ่มคนวันเสาร์...

***หลังรัฐประหาร19 กันยายน 2549 คนแรกที่ออกมาต้องบันทึกเป็นเกียรติยศแก่ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และทวี ไกรคุปต์ นักการเมืองอาวุโส แต่เพราะมาน้อยเป็นวีรชนลุยเดี่ยว เลยโดนพวกมันหิ้วขึ้นรถตู้ไปเก็บที่เซฟเฮาส์ทันควัน***

***พอวันรุ่งขึ้น กลุ่มเครือข่าย19กันยาต้านรัฐประหาร ซึ่งเป็นการรวมตัวกันหลวมๆของนักกิจกรรมนักศึกษาเก่าค่ายธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ บวกกับบก.ลายจุด และอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ ก็พากันแต่งดำไป ยกป้ายประท้วงที่ห้างแห่งหนึ่ง ไม่สนกฎอัยการศึกห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เพราะไปกัน5คนพอดี แม้แต่การจัดชุมนุมที่สนามบอลธรรมศาสตร์ไปกันเป็นร้อย แต่ก็ซอยแบ่งเป็นวงละ5คน รวมแล้วก็ไม่เกิน5 ไม่ผิดกฎหมายเผด็จการ...นี่เป็นตำนานบทแรกของการลุกขึ้นสู้"ภาคพลเมือง"คือประท้วงแบบ"ดื้อแพ่ง"เชิงสัญลักษณ์ต่อกฎเกณฑ์เผด็จการ***

***ต่อมาพวกคณะรัฐประหารก็สะดุ้งเฮือกไปมา แล้วหาว่าทักษิณมี"คลื่นใต้น้ำ"จะต่อต้านการรัฐประหาร แต่ก็ไม่เห็นโผล่ซักที มีกระทาชายนายหนึ่งโผล่มาจากรู ใช้ชื่อแฝงว่า"เตมูจิน"คุย คำเขื่องว่าจะระดมคนมาต้านคมช.เป็นหมื่น ฝ่ายประชาธิปไตยก็เห็นหน่วยก้านพอพึ่งพาได้ เลยโดดจะไปร่วม แต่ก็ออกอาการแปลกๆคือไปจัดแถลงข่าวที่โรงแรมรอยัลก็ให้พวกกองเชียร์ควักค่า ห้องประชุมแถลงข่าว ค่ากาแฟด้วย พอจะไปหา"บังสนธิ"หัวหน้า คณะรัฐประหารเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง ก็ไม่องอาจมาดผู้นำการต่อต้าน หากแต่"กุมไข่"เข้าไป"ขอรับๆๆ"เป็นหลัก พอวันนัดหมายที่สนามหลวงที่ว่าจะมีคนขนมาเป็นหมื่นก็หาย นายเตมูจินเลยกลายเป็น"คลื่นใต้น้ำลวงโลก" บรรดากองเชียร์ก็เลยเลิกพึ่งพาอาศัย แล้วหันมาพึ่งตัวเองแทน***

***1 พฤศจิกายน 2549 หลังรัฐประหาร 19 กันยายนไม่นานนัก และหลังลุงนวมทอง ไพรวัลย์ "เสียสละ"ไป1วันเพื่อปลุกสังคมไทยให้ออกมาต้านเผด็จการและทวงประชาธิปไตย กลุ่มคนใส่ชุดดำก็ ปรากฎตัวที่ท้องสนามหลวงฝั่งธรรมศาสตร์ มีเก้าอี้เล็กๆ 1 ตัว โทรโข่ง 1 อันไม่มีใครมีชื่อเสียงบิ๊กเนม เป็นผู้นำอะไรมาก่อนทั้งนั้น มีสิ่งเดียวคือหัวใจที่จะขับไสเผด็จการ เรียกร้องประชาธิปไตยคืนมา***

***เนื่องจากกลุ่มคนที่ไปรวมตัวต้านรัฐประหารที่สนามหลวงนี้เป็นคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ วันปกติต้องทำมาหากิน พอวันอาทิตย์เป็นวันfamily dayก็เลยนัดหมายเจอกันทุกวันเสาร์ นั่นคือปฐมบทของ"คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ"

แกน นำก็ต้องหาชื่อแฝงไปก่อน จะสมศักดิ์ สมชาย สมหญิง หรือสุชาติก็ว่ากันไป และเนื่องจากเป็นภาคพลเมืองของแท้ไร้การจัดตั้งใดๆ ก็เปรียบเสมือนการต่อสู้ของชาว"บางระจัน" เพียงแต่บางระจันยุคนี้มันเป็นยุค"ไซออน"แล้ว ก็เลยกลายเป็นรหัสวงในนัดหมายกันว่าพวกเขาคือชาว "บางไซ(ออน)" พอนักข่าวมาถามแกนนำที่ถือโทรโข่งบนเวทีว่าชื่อแซ่อะไรไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาตอบไปว่า"ผมชื่อ สุชาติ ณ บางไซ" นักข่าวเลยส่งเข้าไปที่โรงพิมพ์เป็น"สุชาติ นาคบางไทร" ที่ไปที่มาจุดเริ่มต้นของคนวันเสาร์ ขบวนการที่เป็นหน่อเนื้อเสื้อแดงในเวลาต่อมา ก็เริ่มต้นจากตรงนั้นนั่นเอง***

***การต่อสู้ของภาคประชาชนเบื้องต้นก็ต้องบอกว่าใครคิดอะไรได้ก็ทำไป ดังที่ปรากฎว่าขณะที่"สุชาติ นาคบางไทร"กำลังเหยียบเก้าอี้หัวโล้นอยู่ท่ามกลางพี่น้องนับร้อยที่สนามหลวง เมื่อ 1 พฤศจิกายน 49 นั้น ภายในธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เองทางบก.ลายจุดและเครือข่าย19กันยาต้านรัฐประหารก็รวมพลคนกลุ่มหนึ่งอยู่แถวสนามบอลธรรมศาสตร์แล้วพอได้ที่ก็เคลื่อนขบวนออกจากธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เพื่อไปประท้วงที่หน้ากองทัพบก

ระหว่างเดินผ่านสนามหลวงที่สุชาติ นาคบางไทรกำลังยืนบนเก้าอี้ใช้โทรโข่งด่าคมช.นั้น ก็มีเสียงหนึ่งแทรกมาว่า"เฮ้ยๆนั่นใช่พวกเราพวกต้านรัฐประหารใช่มั๊ย เห็นใส่เสื้อดำเหมือนกัน"ทาง ฝ่ายที่กำลังเดินขบวนบอก"ใช่" พวกสนามหลวงก็ยุติการอภิปรายแล้วแห่เข้ามาร่วมเดินขบวนไปยังหน้ากองทัพบก คนตอนนั้นนับช่วยแล้วเต็มที่คือซัก 300 คนเห็นจะได้..แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นให้มีเสื้อแดงเรือนแสนเรือนล้านเป็นไฟ ลามทุ่งในเวลาต่อมา***

***นั่นเป็นการเดินขบวนหนแรกที่จัดการโดย เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร เป็นวันแรกที่เป็นจุดกำเนิดคนวันเสาร์ ทั้ง2กลุ่มหลอมรวมไปหน้ากองทัพบกโดยมิได้นัดหมาย และประการสำคัญทั้งที่ปลายฝนต้นหนาวแล้วก็ตาม พอขบวนเคลื่อนไปถึงหน้ากองทัพบก ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ เปียกกันมะล้อกมะแล้กไปตามๆกัน ฝนยังอยู่คู่ฝ่ายประชาธิปไตยเรื่อยมา บางทีหลายครั้งก็มานอกฤดูหน้าตาเฉย!

แต่ภาคประชาชนอย่างเครือข่าย 19กันยาฯ และคนวันเสาร์ฯค่อยลดบทบาทลง เมื่อทัพหลวงอย่าง3เกลอเริ่มออกศึกในปีถัดมา...แต่เมื่อไหร่ที่ภารกิจเรียก ร้อง แน่นอนว่า ภาคประชาชนไม่ได้ลี้กายสลายตัวไปไหน พวกเราจะกลับมา ด้วยวุฒิภาวะที่แกร่งกล้า ประสบการณ์ที่แกร่งกร้าน และยุทธวิธีที่จัดเจนขึ้นกว่าเมื่อแรก เป็นแน่***

***และควรบันทึก ไว้เป็นวีรประวัติการต่อสู้ของภาคพลเมืองไทยด้วยว่า นับจากจุดเริ่มต้นการลุกขึ้นสู้ของภาคพลเมืองเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 สิงหาคม 2550 ก็เป็นครั้งแรกที่ภาคพลเมืองผู้เรียกร้องต้องการประชาธิปไตยพากันใส่"เสื้อแดง"ออกสู่ท้องถนนปรากฎต่อโลกเป็นครั้งแรก

โดยจุดเริ่มต้นไอเดียมาจากใครยังต้องตามหาเพื่อให้"เครดิต"กันต่อไป แต่คนแรกที่กำหนดสีสัญลักษณ์และนำพาการรณรงค์คือบก.ลายจุด-สมบัติ บุญงามอนงค์ โดยตอนนั้นฝ่ายอำมาตย์จะเข็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ2550ให้ผ่านจงได้ ฝ่ายประชาธิปไตยจึงใช้สัญลักษณ์สีแดง เหมือนกับ"ไฟแดง"ไม่ให้ผ่านออกมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญ

ผลสรุปจบลงที่ฝ่ายอำมาตย์ใช้อำนาจทุกทางผ่านได้ฉิวเฉียด51:49% และสีแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้อันสง่างามและมีเกียรตินับแต่นั้น***


--
http://www.unblockallweb.com/
http://downmerng.blogspot.com
http://picasaweb.google.com/prainn999/14255302# ทัพผ่านฟ้าสู่ราชประสงค์ วันที่ 14 เมษายน 2553
http://www.unblockallweb.com/index.phpq=aHR0cDovL2Rvd25tZXJuZy5ibG9nc3BvdC5jb20%3D&hl=3e8
http://www.112victims.org/
http://www.thaifreenews.org/
http://friendfeed.com/
http://chirpcity.com/bangkok/3
http://www.radaroo.com/
http://factsforthais.blogspot.com/2009/05/7.html
http://tv.kapook.com/nbt.php
http://friendfeed.com/antactica
block
http://www.ustream.tv/channel/redheart
http://redpower-sm-germany.com

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รำลึก 7 ตุลา จดหมายถึงนิธิและเสกสรรค์ ก.ก.ปฏิรูปประเทศไทย เรื่องบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการปกครองของไทย

รำลึก 7 ตุลา จดหมายถึงนิธิและเสกสรรค์ : บทบาทของสถาบันฯ เจี๊ยกๆๆ
รำลึก 7 ตุลา จดหมายถึงนิธิและเสกสรรค์ ก.ก.ปฏิรูปประเทศไทย เรื่องบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการปกครองของไทย
Thu, 2010-10-07 00:55

วาด รวี




เรียน อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ และอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ด้วยความเคารพ

จดหมายฉบับนี้มีความมุ่งหมาย 2 ประการดังชื่อเรื่องคือ ประการหนึ่งต้องการรำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวาระในขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้ และอีกประการหนึ่งต้องการเสนอความคิดและตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย มาถึงอาจารย์ทั้งสองท่านในฐานะที่ท่านทั้งสองร่วมอยู่ในคณะบุคคลที่เรียกว่า "คณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย"

เหตุที่ผมเขียนถึงอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นการเฉพาะเจาะจงนั้น ก็เนื่องจากความใกล้ชิด ทั้งในฐานะที่เป็นนักเขียนรุ่นหลัง และในฐานะของผู้ซึ่งผลงานของท่านอาจารย์ทั้งสองได้เคยมีส่วนในการขยับขยายโลกของการอ​่านให้เติบใหญ่

ลำดับแรก ผมขอทบทวนความเข้าใจของตนเองเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นปร​ะมุข ซึ่งเป็นการปกครองของประเทศไทย

ตั้งแต่พอจะรู้ความในเรื่องดังกล่าว ผมเข้าใจมาตลอดว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นคือระบอบที่ทุกคนมีความเสมอภาค มีสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกัน โดยทุกคนมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงในการเลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง

จนกระทั่งต่อมามีความเข้าใจเพิ่มเติมขึ้นมาว่า ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้ มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประธานของระบอบ กล่าวคือเป็นผู้ใช้สิทธิ์นั้นแทนปวงชนชาวไทยผ่านทางฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ อำนาจทั้งสามฝ่ายย่อมถ่วงดุลตรวจสอบซึ่งกันและกัน และผู้ใช้อำนาจดังกล่าวย่อมจะต้องมีความยึดโยงกับประชาชน

ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้น เป็นเรื่องของ "ระบบ" ไม่น้อยไปกว่า "คน" กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงการเลือก "คนดี" เข้าไปปกครองบ้านเมืองเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คนซึ่งได้ "อำนาจ" ในการปกครองไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายข้าราชการ ย่อมจะต้องมี "ระบบ" ที่กำกับคนเหล่านั้นด้วย ซึ่งต่อมาผมก็ได้รู้เพิ่มเติมว่า ระบอบการปกครองของไทยนั้นมีหลักที่เรียกว่า ระบบการรับผิด เช่นเดียวกับนานาประเทศที่เจริญแล้ว กล่าวคือ ผู้ใดมีอำนาจ ผู้นั้นก็จะต้องมีความรับผิด หากผู้ใดไม่มีความรับผิด ผู้นั้นก็จะต้องไม่มีอำนาจ "ความรับผิด" ในที่นี้ย่อมจะต้องเป็นความรับผิดที่ถูกมองเห็นโดยระบบ เช่นที่ คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดต่อสภา เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเกิดกรณี "ถวายคืนพระราชอำนาจ" เพื่อเรียกร้อง "นายกฯ พระราชทาน" ขึ้น ผมจึงไม่เห็นด้วย เนื่องจากหากทำเช่นนั้น จะทำให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงมารับผิด ซึ่งก็ไม่มีระบบใดที่จะรองรับ ดังที่ในหลวงได้ทรงตรัสไว้ด้วยพระองค์เองแล้วว่า การอ้างมาตรา 7 ขอนายกฯ พระราชทานนั้นคือ "มั่ว"

ท่านอาจารย์ทั้งสองครับ วิกฤติการเมืองที่ผ่านมาท่านอาจารย์คงจะเห็นพ้องกันกับผมว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้วิกฤตินี้รุนแรงก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกดึงลงมายุ่งเกี่ยวก​ับการเมือง ในวาระนี้ ขอให้ผมได้รำลึกถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551


สมเด็จฯห่วงใยผู้ได้รับบาดเจ็บ

นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผอ.โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งจากแก๊สน้ำตาและสะเก็ดระเบิด ซึ่งท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ฑีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้โทรศัพท์มาสอบถามถึงสถานการณ์ พร้อมแจ้งว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยพสกนิกรคนไทยทุกคน ทรงสอบถามถึงอาการผู้บาดเจ็บ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับผู้บาดเจ็บไว้ในพระอุปถัมภ์ทั้งหมด พร้อมกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังทรงพระราชทานเงินจำนวน 100,000 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาล ทำให้ผู้บาดเจ็บ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ต่างปลาบปลื้ม ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ถือเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะสนองตามพระราชประสงค์ทุกประการ ส่วนค่ารักษานั้นคงไม่ต้องพูดถึง

ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

นอกจากนี้ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ พิธีกรของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ขณะนี้สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานเงินจำนวนหนึ่งแสนบาท เป็นค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการที่ถูกตำรวจสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา พร้อมทั้งรับผู้บาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระราชินูปถัมภ์ เมื่อผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ชุมนุมอยู่หลายพันคนได้รับทราบข่าว ต่างพากันร้องตะโกน " ทรงพระเจริญ" จนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

" สนธิ" ขีดเส้นตายรัฐบาล 6 โมงเย็น

เวลาเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีในทำเนียบรัฐบาลกล่าวเตือนผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ตอนนี้เตรียมรับโทษความผิดที่ทำร้ายประชาชนและให้ถอยออกจากทำเนียบฯและรัฐสภา เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่ไม่เกิน 6 โมงเย็นวันนี้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ที่ไปรับใช้นายสมชายทำร้ายประชาชน ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงประชาชนขาขาด ตนบอกตั้งแต่สะพานมัฆวานฯแล้วว่าผู้ชุมนุมทั้งผู้หญิงผู้ชายล้วนแต่เป็นทหารเสือพระร​าชา วันนี้รู้แล้วทำร้ายลูกหลานพระองค์ท่าน ทำร้ายประชาชน ด้วยเหตุนี้พระองค์ท่านจึงพระราชทานเงินมาช่วยเหลือหนึ่งแสนบาท และรับเป็นคนไข้ไว้ในส่วนพระองค์ทั้งหมด

ไทยรัฐ 8 ตค.51


ผู้ชุมนุมใช้ด้ามธงไล่แทงตำรวจ แผลฉกรรจ์ชายโครง-ทะลุปอด

(7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กำลังประชุมหารือวางแนวทางปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาค​วามปลอดภัยอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อกลุ่มพันธมิตรฯที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณแยกอู่ทอง​ในได้ใช้หนังสติ๊กยิงลูกเหล็ก ลูกหิน ลูกแก้ว น็อตเหล็ก ขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้ด้ามธงที่เป็นเหล็กแหลมไล่ตีและไล่แทงเจ้าหน้าที่ต​ำรวจ ที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่บริเวณนั้น จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยออกไม่สามารถต้านทานการผลักดันของกลุ่มผู้ชุมนุมได้
จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้นอีกครั้งเพราะกำลังตำรวจไม่สามารถสู้ได้มีเพียงโล่ห์กำบังอย่าง​เดียว หลังเหตุสงบพบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นายคือ ด.ต.ทวีป กลิ่นเรียม สังกัดตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ มีบาดแผลถูกปลายเหล็กแหลมแทงเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายทะลุปอด นำตัวส่งห้องไอซียูโรงพยาบาลพระมงกุฏฯโดยเร่งด่วน ส่วนอีกรายอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อได้รับบาดเจ็บถูกแทงบริเวณชายโครงลักษณะเดีย​วกัน

คมชัดลึก 7 ตค.51



10.05 น.- มีรายงานข่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานรถพยาบาลจำนวน 4 คัน พร้อมนายทหารพยาบาลเข้ารอให้ความช่วยเหลือผู้ชุมนุม
16.25 น.- นายทหารพยาบาลพระราชทาน เคลื่อนที่เร็วเข้าช่วยเหลือประชาชนที่แยกการเรือน
16.45 น.- เจ้าหน้าที่ตำรวจผลักดันประชาชน โดยยิงแก๊สน้ำตาเข้ามาเป็นระยะๆ จนถึงแยกอู่ทองใน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำการโหดเหี้ยม ยิงแม้กระทั่งรถพยาบาลที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภาอย่างต่อเนื่อ​ง และไม่ยอมให้รถพยาบาลผ่านเข้าออก กลับยิงใส่เจ้าหน้าทีพยาบาลข้างหลัง ขณะเข้าตรวจสอบพื้นที่ว่ามีผู้บาดเจ็บหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากนั้นนายทหารพยาบาลพระราชทาน ได้เดินทางมาถึงหน้ารัฐสภา และเป็นด่านหน้าเข้าช่วยเหลือประชาชน
17.30 น.- แกนนำพันธมิตรฯ ขออาสารถน้ำชุมชนเข้าช่วยเหลือที่หน้ารัฐสภา ขณะเดียวกันมีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลพระราชทาน ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงได้รับบาดเจ็บ 6 ราย
18.30 น.- พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกของกองทัพบก ให้สัมภาษณ์กับเนชั่น แชลแนล ว่าช่วงบ่ายที่ผ่านมามีการจัดทหารเสนารักษ์จำนวนหนึ่งเข้าช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรประ​ชาชนเพื่อประชาธิปไตยลำเลียงและปฐมพยาบาลกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยยืนยันว่าจะไม่มีอาวุธและไม่มีส่วนในการสลายการชุมนุม รวมทั้งจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยจะแบ่งความรับผิดชอบไปทั้งกองทัพบก ทัพเรือและทัพอากาศ
19.30 น.- กองทัพเคลื่อนย้ายกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก ติดริบบิ้นสีขาวเข้ามาหน้าสนามเสือป่าแล้ว ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และบริเวณใกล้เคียง

ผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม



ท่านอาจารย์ทั้งสองครับ จากรายงายข่าวที่ผมยกมานี้ ผมเชื่อว่าท่านอาจารย์คงจะได้เห็นเช่นเดียวกับผมว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ถูกดึงลงมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเพียงใด โดยเฉพาะในส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวบนเวทีนั้น เป็นการอ้างด้วยความเข้าใจอันบริสุทธิ์หรือไม่ก็ตาม ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นกำลังสนับสนุนพวกเขาอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะกำลังกระทำผิดกฎหมายอยู่ในขณะนั้น

ลำดับต่อมา ผมเชื่อว่าท่านอาจารย์ทั้งสองทราบเป็นอย่างดีว่าการที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกดึงลง​มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในวิกฤติการณ์ที่แตกแยกเช่นนี้ ล้วนไม่เป็นผลดี ทั้งต่อระบอบการปกครองของไทย และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในสภาพที่ประชาชนจำนวนมากแตกแยกความคิดเป็นสองฝ่าย และความขัดแย้งรุนแรงลึกซึ้งเช่นนี้ ท่านอาจารย์ทั้งสองจะเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศไทยอย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่เหลือปัญญาของผมจะคิดได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมสามารถยืนยันกับท่านอาจารย์ทั้งสองได้ก็คือ ความไม่เท่าเทียมกันนั้นมีอยู่จริง การกดขี่นั้นมีอยู่จริง และในกรณีที่เป็นปัญหาวิกฤติการเมืองที่ผ่านมานั้น หาได้เป็น "ความเหลื่อมล้ำ" อย่างที่ปัญญาชนและสื่อโทรทัศน์พยายามจะเสนออย่างมืดบอดพร้อมกับยืนยันว่าไม่มีอำมาต​ย์ไม่มีไพร่

อาจารย์เสกสรรค์ครับ ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของอาจารย์เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ตอนหนึ่งอาจารย์กล่าวว่า คนตัวเล็กๆ ไม่มีอำนาจต่อรอง ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการชีวิตของตัวเอง กรรมการปฏิรูปพูดคุยกันมาหลายครั้ง ทิศทางที่ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ เราต้องปรับความสัมพันธ์อำนาจตรงนี้ให้ได้ เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจจัดการชีวิต อาจารย์กล่าวถึงเรื่องการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน... ผมคิดว่า 4 ปีที่ผ่านมานี้ เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มใดต้องการ "ลด" อำนาจของประชาชน แม้แต่อำนาจพื้นฐานที่สุดในระบอบประชาธิปไตยอย่าง "หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง" ก็ยังไม่ถูกยอมรับและมีความพยายามริดรอนโดยชนชั้นนำจำนวนหนึ่งและชนชั้นกลางจำนวนหนึ​่ง อำนาจพื้นฐานนี้ถูกกระทำย่ำยีมาตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ในเรื่องการเพิ่มอำนาจของประชาชนตามที่อาจารย์กล่าว ผมมีความเห็นว่า กลุ่มเป้าหมายของอาจารย์คือคนที่ไม่ยอมรับอำนาจของประชาชนเหล่านั้น หากคณะกรรมการปฏิรูปจะเสนอแนวทางที่จะปฏิรูปความคิด จิตสำนึก และจิตวิญญาณประชาธิปไตยให้กับคนเหล่านั้น ให้การศึกษาแก่บรรดาชนชั้นนำและชนชั้นกลางที่ไม่มีความเคารพในสิทธิ์ตามระบอบประชาธิ​ปไตย โดยเฉพาะชนชั้นกลางและปัญญาชนซึ่งอยู่ในฐานะซึ่งมีหน้าที่อบรมผู้อื่น เช่น บรรดาคณาจารย์ และอธิการบดีมหาวิทยาลัย ที่เข้าไปรับใช้คณะรัฐประหาร และมีบทบาทในการไม่ยอมรับผู้ปกครองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมเชื่อว่าจะช่วยคลี่คลายวิกฤติได้ไม่มากก็น้อย

ท่านอาจารย์ครับ อำมาตย์และไพร่สำหรับคนเสื้อแดงนั้น ไม่ได้หมายถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความยากดีมีจน อย่างที่ทีวีซึ่งใช้เงินภาษีของประชาชนกำลังพยายามจะบอกหรอกครับ ความเหลื่อมล้ำนั้นมีมานานแล้ว และผมเชื่อว่ามีมาก่อนจะมี "ประเทศไทย" ด้วยซ้ำ ท่านอาจารย์นิธิย่อมทราบดี เหตุใดเล่าคนจึงเพิ่งตระหนักและมาลุกฮือเอาตอนนี้

อำมาตย์และไพร่ของคนเสื้อแดงนั้นเข้าใจง่ายครับ ไม่ซับซ้อนแม้แต่น้อย ความไม่เท่าเทียมและการกดขี่ที่สร้างความคับแค้นให้กับคนเสื้อแดงนั้นก็คือ การไม่ยอมรับหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงตามระบอบประชาธิปไตยนั่นเองครับ รัฐบาลที่เขาเลือกมาถูกรัฐประหาร เขาก็ไม่ว่าอะไร เลือกใหม่มาอีกครั้ง ก็ถูกต่อต้านด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลแรกถูกยุบไปด้วยเรื่องทำกับข้าว รัฐบาลต่อมาก็ถูกล้มไปในสถานการณ์ที่มีการจับสนามบินแห่งชาติเป็นตัวประกัน ข้อเสนอของพันธมิตรที่ให้เลือกตั้ง 30% คัดสรร 70% นั้น สะท้อนวิธีคิดที่ "กดขี่" ผู้อื่นได้ชัดเจนโดยที่ไม่ต้องขยายความเพิ่ม ยังไม่นับถ้อยคำเหยียดหยามดูถูก ทั้งต่อการใช้สิทธิ์ของพวกเขา ทั้งต่อการชุมนุมของพวกเขา

อำมาตย์ของคนเสื้อแดงนั้น แท้จริงแล้วก็คือ คนที่มีอำนาจ คนที่ใช้อำนาจ โดยไม่ต้อง "รับผิด" นั่นเองครับ

ผมรู้สึกประหลาดใจเหลือเกินที่เรื่องง่าย ๆ เพียงแค่นี้ ปัญญาชนชั้นนำ สื่อมวลชนจำนวนมาก โดยเฉพาะสื่อที่ใช้เงินจากภาษีของประชาชน กลับแสดงสีหน้าไร้เดียงสาต่อปัญหาดังกล่าว ราวกับเด็กที่เพิ่งเคยเห็นของลับผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก

อาจารย์ทั้งสองท่านจะมีแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมคาดหวัง และก็อาจจะเป็นสิ่งที่คนเสื้อแดงคาดหวังเช่นเดียวกันก็คือ อย่างน้อยสิทธิทางการเมืองของประชาชนจะต้องได้รับความเคารพ ไม่มีคณะผู้ปกครองประเทศที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และไม่มีผู้ที่สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องรับผิด ไม่มีองค์กรที่มีอำนาจโดยไม่ยึดโยงกับประชาชน และสิ่งที่สำคัญ ซึ่งผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นว่าสำคัญ ก็คือบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่าอาจารย์ทั้งสองท่านจะต้องทราบดีอยู่แล้วว่า การปฏิรูปประเทศโดยไม่นำประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์มาพิจารณานั้น​ เป็นได้แต่เพียงการปฏิรูปจอมปลอมเท่านั้น ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำนุบำรุงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นองค์ประธานของระบอบการปกค​รองอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีบทบาทที่สอดพ้องกับระบอบประชาธิปไตย อยู่พ้นจากอำนาจ จากการเมือง เพื่อพ้นจากการรับผิด เพื่อมิให้ใครอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยหวังผลทางการเมือง ไม่มีใครใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือในการทำลายกันทางการเมือง ประชาชนไม่ต้องหวาดกลัวและรับโทษหนักจากความผิดที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น มาตรา 112

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ก็คือ ประชาชนที่สูญเสียชีวิตจำนวนมากระหว่างเหตุการณ์เดือนมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น จะต้องมีการสอบสวนหาคนรับผิดชอบ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า โดยสติปัญญาของท่านอาจารย์ทั้งสอง คงไม่คิดว่าจะสามารถปฏิรูปประเทศไทยโดยที่ประชาชนยังไม่ได้รับความยุติธรรมเมื่อเกิด​เหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ การกล่าวว่าคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยจะไม่เป็นธุระในเรื่องดังกล่าว แต่จะสนใจเฉพาะเรื่องการปฏิรูปในอนาคตนั้น เป็นคำกล่าวที่โง่เขลา เพราะนั่นคือการเสนอในสิ่งที่ทำไม่ได้ ผมเชื่อว่าจะไม่มีการตอบรับใด ๆ จากคนเสื้อแดงต่อข้อเสนอของคณะปฏิรูปฯ ตราบใดที่คณะบุคคลนี้ไม่สามารถมอบความยุติธรรมหรืออย่างน้อยมีจุดยืนที่จะมอบความยุต​ิธรรมให้พวกเขา การปฏิรูปประเทศบนการไม่รับผิดชอบของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งถูกมองว่าเป็นการสร้างความชอบธรรม และบ่ายเบี่ยงความรับผิดของรัฐบาล นั้น ไม่มีวันประสบความสำเร็จ จุดยืนในเรื่องการเรียกร้องให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และดำเนินคดีต่อฝ่ายปกครองที่กระทำผิด จึงเป็นจุดเดียวกับจุดเริ่มต้นการปฏิรูปประเทศไทย เป็นจุดที่จะเพิ่มความชอบธรรมให้กับข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปฯ หลังจากที่ประชาชนจำนวนมากถูกย่ำยีอย่างไร้ความเป็นธรรมต่อเนื่องมาตลอดวิกฤติการณ์

ทั้งนี้ ผมมีความเชื่อมั่นในสติปัญญาของท่านอาจารย์ทั้งสอง ว่าย่อมเห็นความสำคัญของ "ระบบที่ดี" ซึ่งยั่งยืนมากกว่า "คนดี" และผมเชื่อมั่นในความกล้าหาญของท่านอาจารย์ทั้งสอง ที่จะไม่ประนีประนอมกับแนวทางซึ่งหวังผลทางการเมืองระยะสั้น หรือแนวทางที่เป็นการกดขี่ทางการเมือง

"ถ้าท่านไม่ศรัทธาประชาชน ถ้าท่านไม่ฝากความหวังไว้กับพลังและจิตใจต่อสู้ของพวกเขา ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชะตาของพวกเขา" เป็นคำกล่าวของฟิเดล คาสโตร ซึ่งผมขอนำมาเอ่ยไว้ ณ ที่นี้ ไม่ว่าผลบั้นปลายของการปฏิวัติคิวบาจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าคำกล่าวนี้ยังคงมีความจริงที่เป็นอมตะอยู่

สุดท้ายขอให้อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ และอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล สามารถทำหน้าที่ได้ดังที่ตั้งใจไว้ และขอคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณประชาชนผู้เสียสละชีวิต คุ้มครองอาจารย์ทั้งสอง

วาด รวี

6 ตุลาคม 2553



ชื่อบทความเดิม: บทความรำลึก 7 ตุลา และจดหมายเปิดผนึกถึงอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์และอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย เรื่องบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการปกครองของไทย

ที่มา : http://prachatai3.info/journal/2010/10/31400


--
http://www.unblockallweb.com/
http://downmerng.blogspot.com
http://picasaweb.google.com/prainn999/14255302# ทัพผ่านฟ้าสู่ราชประสงค์ วันที่ 14 เมษายน 2553
http://www.unblockallweb.com/index.phpq=aHR0cDovL2Rvd25tZXJuZy5ibG9nc3BvdC5jb20%3D&hl=3e8
http://www.112victims.org/
http://www.thaifreenews.org/
http://friendfeed.com/
http://chirpcity.com/bangkok/3
http://www.radaroo.com/
http://factsforthais.blogspot.com/2009/05/7.html
http://tv.kapook.com/nbt.php
http://friendfeed.com/antactica
block
http://www.ustream.tv/channel/redheart
http://redpower-sm-germany.com